Tube Diode
โดยขั้วที่ให้อิเล็กตรอนเรียกว่า คาโธด(Cathode) และขั้วที่รับอิเล็กตรอนเรียกว่า อาโนด(Anode)การไหลของกระแสไฟฟ้าของหลอดไดโอดเป็นแบบไม่เป็นเชิงเส้น(Non-linear current) กล่าวคือ เมื่อป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับขั้วอาโนดและศักย์ไฟฟ้าลบให้กับขั้วคาโธดจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมา แต่เมื่อป้อนศักย์ไฟฟ้ากลับทางคือ ป้อนศักย์ไฟฟ้าบวกให้กับคาโธดและป้อนศักย์ไฟฟ้าลบให้กับอาโนดจะทำให้กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลได้ ซึ่งเป็นผลมาจากอิเล็กตรอนถูกผลักด้วยผลของสนามไฟฟ้านั้นเอง ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้จึงทำให้สามารถนำหลอดไดโอดไปใช้เป็นอุปกรณ์เรียงกระแส(rectifier)ได้ ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาหลอดไดโอดโดยใส่ขั้วโลหะตาข่ายระหว่างขั้วอาโนดและขั้วคาโธด เรียกว่ากริด(Grid)ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นส่วนควบคุมปริมาณกระแสให้ไหลมากน้อยได้ตามศักย์ไฟฟ้าที่ป้อนให้กับขั้วกริด อุปกรณ์ที่มีขั้วโลหะ 3 ขั้วนี้เรียกว่า หลอดไตรโอด (Triode)ซึ่งสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณได้
Triode Tube
โครงสร้างของหลอดแบบอื่นๆ
หลอดที่เห็นใช้งานอยู่ในปัญจุบัญนั้นมีทั้งหลอดที่ผลิตขึ้นมาใหม่และหลอดเก่าซึ่งจะมีชื่อย่อดังนี้
NOS = New old stock หลอด Lot เก่าที่ผลิตออกมาแล้วถูกเก็บไว้ในสภาพหลอดใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน
NIB = New in box หลอดใหม่ยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนซึ่งจะมาพร้อมกล่องและตัวกล่องเองก็ยังมีแบบ Original box กล่องเดิมจากผู้ผลิต และแบบ Military white box กล่องขาว ซึ่งเป็นหลอดที่ผู้ผลิตส่งให้กับหน่วยงานทหารส่วนใหญ่จะเป็นหลอด JAN (Joint Army & Navy )
Used = เป็นหลอดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว
หลอดที่นิยมเล่นกันในยุคปัญจุบันจะมีทั้งหลอดปรีและหลอดเพาเวอร์ซึ่งยังมีใช้อยู่ในเครื่องเสียงและงานด้านดนตรีซึ่งจะมีอยู่ตามตู้แอมป์กีต้าร์ซึ่งหลอดที่นิยมใช้มีดังนี้
หลอดปรีเช่น Dual Triode 12AX7 / ECC83 / 7025 /12AU7 / ECC82 / 5814A / 6922/ 6DJ8 / ECC88 / 6N1P/ 6SN7GT / 6SN7GTA / 6SN7GTB
หลอดเพาเวอร์ EL84 / 6BQ5 / EL34/ 6CA7 / 6L6 / 5881 / 6V6 / KT88 / 6550 / 2A3 / 300B / 211 /845 และเบอร์อื่นๆอีกมากมาย