บทความทั่วไป ธันวาคม 54 |
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ฮือฮา!ภาพนักร้องดังเสพยาว่อนเน็ต
ตะลึง ! ภาพนักร้อง “ขาร็อคชื่อดัง” อัพยาว่อนเน็ต เผย “ภรรยา” เป็นมือโพสต์ พร้อมแฉหมดเปลือก ชีวิตรันทด ด้าน “ต้นสังกัด” เตรียมเรียกศิลปินผู้อื้อฉาวเข้ามาเคลียร์กับผู้ใหญ่ วันนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเรื่องฮือฮาขึ้นในหมู่นักท่องโลกอินเทอร์เน็ตหรือโลกออนไลน์ โดยเฉพาะวัยรุ่นไทย เมื่อพบว่ามีการส่งต่อ (ฟอร์เวิร์ด) ภาพของนักร้องเพลงร็อคชื่อดังของค่ายเพลงแห่งหนึ่งกำลังเสพยาไอซ์อย่างสบายอารมณ์ไปทั่วอินเตอร์เน็ตผ่านทางเว็บไซต์เฟซบุ๊กดอทคอม (www.facebook.com) ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่น่าตกตะลึงว่า ภรรยานักร้องชายคนดังกล่าวเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว พร้อมกันนี้ยังได้เขียนข้อความระบายความในใจ และแฉปัญหาความร้าวฉานภายในครอบครัวที่สร้างความเจ็บช้ำให้กับตัวเอง อาทิ เรื่องที่ถูกทำร้ายร่ายกาย ไม่ได้รับการเหลียวแลทั้งภรรยาและลูกอีก 3 คน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่มีการเผยแพร่ภาพและข้อความดังกล่าวได้มีเพื่อนของฝ่ายหญิงเข้ามาเกลี้ยกล่อมเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันกลุ่มเพื่อนในโลกออนไลน์ได้กดแชร์หรือส่งต่อกันเป็นพันครั้ง ซึ่งเชื่อว่าภายในไม่กี่ชั่วโมงอาจจะกระจายไปทั่ว นอกจากนี้ยังเกิดปฏิกิริยาในทางลบต่อศิลปินคนดัง บางคนระบุว่าหมดศรัทธา บ้างก็บอกว่ายาเสพติดเป็นของคู่กับศิลปิน เป็นต้น สำหรับนักร้องชายผู้นี้แรกเริ่มเข้าวงการในนามศิลปินกลุ่ม โดยยึดแนวร็อคมาตั้งแต่ต้น เพียงอัลบั้มแรกก็กลายเป็นขวัญใจขาร็อกไปในพริบตา ต่อมาได้ออกอัลบั้มอีกหลายอัลบั้มจนดังเป็นพลุแตกเทียบชั้นกับตำนานขาร็อกอีกหลาย ๆ วง แต่ท้ายที่สุดก็จำต้องยุติและแยกวงกันไป ซึ่งนักร้องชายผู้นี้ได้ผันตัวมาเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เริ่มมีข่าวในทางลบออกมาอยู่บ่อยครั้ง เช่น การติดสุราจนควบคุมตัวเองไม่อยู่จนไม่สามารถขึ้นเวทีไปแสดงได้ ขณะนี้ต้นสังกัดของนักร้องชายคนดังกล่าวได้ปล่อยผลงานเพลงชุดใหม่ออกมาทดสอบกระแสแฟนคลับ และคาดว่าอัลบั้มของนักร้องชายผู้นี้จะวางจำหน่ายในช่วงกลางเดือนนี้ ล่าสุดต้นสังกัดได้ทราบเรื่องอื้อฉาวในโลกออนไลน์นี้แล้ว และวันที่ 3 ธ.ค. จะเรียกนักร้องคนดังกล่าวเข้าไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ในค่ายเพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเตรียมจะเปิดแถลงข่าวชี้แจงในเร็ว ๆ นี้.
หน้า 2 วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554 4วิธีดึงสติสร้างสมาธิ
ปรารถนาจะเรียนหนังสือเก่ง ทำงานดี มีความจำเลิศ อย่าละเลยการสร้าง “สมาธิ” ตัวช่วยสำคัญหยุดจิตสับสน ว้าวุ่น ทำสมองปลอดโปร่ง ฝึกง่าย ๆ ด้วย 4 วิธี ปรารถนาจะเรียนหนังสือเก่ง ทำงานดี มีความจำเลิศ อย่าละเลยการสร้าง “สมาธิ” ตัวช่วยสำคัญหยุดจิตสับสน ว้าวุ่น ทำสมองปลอดโปร่ง ฝึกง่าย ๆ ด้วย 4 วิธี สร้างสมาธิก่อนเรียน หรือ ทำงาน โดยนั่งบนเก้าอี้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องหลับตา เพียงให้มีสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก กำหนดจุดเพ่งมอง ปฏิบัติประมาณ 5-10 นาที ช่วยขจัดความยุ่งเหยิงทางใจ สมองคลายเครียด พร้อมใช้ความคิด ทั้งยังรับรู้ และเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ลดความเร็วในการเดิน ให้จิตใจจดจ่ออยู่กับการก้าว สลับกับพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัว ช่วยผ่อนคลายความเครียด และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต สามารถประยุกต์ใช้เมื่อเดินเล่น เดินไปเรียน และทำงานได้ รับประทานช้าลง โดยค่อย ๆ ตักอาหาร และเคี้ยวให้ละเอียด ไม่เพียงลดอาการท้องอืด และลดการทำงานหนักของกระเพาะอาหาร ยังเป็นการฝึกรวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำด้วย เลี่ยงคาเฟอีนเข้มข้น แม้คาเฟอีนจัดเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ลดความง่วง เหนื่อยล้า เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ทำให้กลไกการคิดรวดเร็ว และมีสมาธิขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับในปริมาณไม่มากเกินไป โดยเฉพาะวัยเรียน อาจลดความเข้มข้นจากการดื่มกาแฟเป็นชาแทน หากต้องการกำจัดความฟุ้งซ่าน เข้าสู่โหมดสงบ มีสติ ลองสร้างสมาธิด้วยวิธีข้างต้น สามารถฝึกปฏิบัติได้ทุกที่ เมื่อสติมาปัญญาย่อมเกิดแน่นอน. ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
หน้า 3 วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554 นิสสัน อัลเมร่า อีโคคาร์คันโต
อัลเมร่าเป็นรถแบบอีโคคาร์รุ่นที่ 2 ของค่ายนิสสัน ที่ได้รับการพัฒนามาจากมาร์ช อีโคคาร์รุ่นแรก โดยนิสสันได้ออกแบบรูปทรงของอัลเมร่าออกมาในแบบรถเก๋ง 4 ประตู พร้อมทั้งได้มีการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นอีก 150 มม. เป็น 2,600 มม. ส่งผลให้อัลเมร่าเป็นรถอีโคคาร์ที่มีมิติตัวถังใหญ่พอ ๆ กับบรรดารถซับคอมแพ็คอย่างฮอนด้า ซิตี้ และโตโยต้า วีออส ส่วนรูปลักษณ์เมื่อเทียบกับมาร์ช รุ่นพี่แล้ว จะเห็นได้ว่ากระจังหน้า กันชน และไฟหน้า ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ช่วยให้อัลเมร่าสวยและแฝงความเป็นสปอร์ตซีดานจากล้อแม็กลายเท่ ไฟท้ายแบบ 2 สี (ขาวแดง) และไฟตัดหมอกที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การตกแต่งภายในใหม่ ทั้งคอนโซลกลางและแผงหน้าปัด เป็นการผสมระหว่างความหรูหราและสปอร์ตที่ลงตัว ในส่วนของทัศนวิสัยโดยรอบคันกว้างและโปร่งตา มีมุมอับน้อย เสียแต่ว่ากระจกมองข้างและกระจกมองหลัง มีขนาดเล็กไปหน่อย ทำให้เห็นภาพได้มุมไม่กว้างนัก ส่วนความสะดวกสบายในการขับขี่นั้น อัลเมร่าเป็นรถที่มีช่วงหลังคากับแผงหน้าปัดอยู่ในตำแหน่งที่สูง และใช้พวงมาลัยวงเล็ก จึงช่วยทำให้ผู้ขับนั่งได้สบาย หรือแม้จะเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด สำหรับตำแหน่งอุปกรณ์และสวิตช์ต่าง ๆ อยู่ในระยะที่ใช้งานง่าย ห้องโดยสารตอนหลังสามารถนั่งได้ 3 คนอย่างสบาย เพราะมีช่วงวางขากว้างถึง 636 มม. แถมอุโมงค์กลางพื้นรถอยู่ในระดับต่ำ ไม่เป็นปัญหากับคนนั่งกลาง หมอนรองศีรษะเปลี่ยนมาเป็นแบบแยกชิ้นรองรับต้นคอกำลังดี สำหรับสมรรถนะของเครื่อง HR12DE 79 แรงม้า ที่ใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ซีวีทีนั้น โดยรวมแล้วทำให้อัลเมร่ามีอัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งที่ดี แต่ยังไม่ประทับใจนัก ช่วงรู้สึกสนุกกับรถจะเป็นช่วงความเร็วระหว่าง 80-140 กม./ชม. หลังจากนี้อัตราเร่งจะเป็นแบบไหลขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไปสุดอยู่ที่ประมาณ 160 กม./ชม. อัตราการกินน้ำมันในเมืองอยู่ที่ประมาณ 14 กม./ลิตร ถ้าวิ่งทางไกลความเร็วช่วง 90-110 กม./ชม. ได้มากกว่า 20 กม./ลิตร สบาย ๆ
การตอบสนองของพวงมาลัยที่ความเร็วต่ำเป็นไปอย่างคล่องตัว น้ำหนักของพวงมาลัยเพาเวอร์หนักกำลังดี ไม่มีอาการเบาและวอกแวกขณะใช้ความเร็วสูง การทรงตัวของรถทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูงทำได้ดีมีความมั่นคงสูง ซึ่งเป็นผลมาจากฐานล้อที่ยาวขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รัศมีวงเลี้ยวกว้างขึ้นด้วย การทำงานของเบรก จับตัวเร็วจนรถมีอาการหน้าทิ่มที่ความเร็วต่ำ และล้อมีอาการล็อกเร็ว แต่ไม่พบอาการเสียการทรงตัว ดังนั้นผู้ขับควรจะหมั่นมองกระจกหลังด้วย เพื่อเว้นระยะห่างจากรถคันหลังให้มากพอ จะได้ไม่ถูกชนท้ายเวลาที่ต้องเบรกอย่างกะทันหัน ............................. ข้อมูลทางเทคนิค นิสสัน อัลเมร่า 1.2 วีแอล ซีวีที
มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 4,425/1,695/1,500 ม.ม. ............................. เหล่าคู่แข่งของ นิสสัน อัลเมร่า ฮอนด้า บริโอ้ วี เอที : มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 3,610/1,680/1,485 มม. เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,198 ซีซี กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ ซีวีที ราคา 508,500 บาท มิซูบิชิ มิราจ : มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 3,710/1,665/1,490 มม. เครื่องยนต์ เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,000-1,200 ซีซี กำลังสูงสุด ยังไม่มีข้อมูล แรงบิดสูงสุด ยังไม่มีข้อมูล เกียร์ อัตโนมัติ ซีวีที ราคา ยังไม่มีข้อมูล นิสสัน มาร์ช 1.2 วีแอล ซีวีที : มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 3,780/1,665/1,515 มม. เครื่องยนต์ เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,196 ซีซี กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที เกียร์ อัตโนมัติ เอ็กซ์ทรอนิก-ซีวีที ราคา 542,000 บาท สมฤกษ์ รื่นสัมฤทธิ์
หน้า 4 วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 แนะวิธีเช็ครถยนต์หลังลุยน้ำ
อย่ามองข้าม 6 กลุ่มอุปกรณ์สำคัญ หากละเลยเสี่ยงพัง ก่ออันตราย รวมถึง “สิ่งควรทำ-ต้องห้าม! ทั้งขณะ และหลังลุยน้ำ” อย่ามองข้าม 6 กลุ่มอุปกรณ์สำคัญ หากละเลยเสี่ยงพัง ก่ออันตราย รวมถึง “สิ่งควรทำ-ต้องห้าม! ทั้งขณะ และหลังลุยน้ำ” โดยทั่วไปรถยนต์นั่งที่ไม่มีการปรับแต่งช่วงล่าง หรือ โหลด นั้น สามารถขับลุยน้ำได้สูงระหว่าง 10-12 เซนติเมตร ซึ่งไม่ก่อให้เกิดปัญหาภายในระบบใด ๆ แต่หากลุยน้ำลึกระดับ 30-50 เซนติเมตร หรือ มากกว่านี้ รวมถึงขับลุยน้ำบ่อย ๆ เข้าขั้นอันตราย ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้ามการตรวจเช็คอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัย และถนอมรถยนต์ให้คงประสิทธิภาพดีนานที่สุด อาจารย์เนรมิตร กระแสร์ลม หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เผยถึงสิ่งที่ควรตรวจเช็ค คือ ลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ, ระบบเบรคคลัทช์, น้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ (น้ำมันเครื่อง เกียร์ เฟืองท้าย), เพลาขับ ไดชาร์จ คอมแอร์ สายพาน, อุปกรณ์ภายในห้องเครื่อง (กล่องฟิวส์ เซ็นเซอร์ต่าง ๆ) และพรม รวมทั้งผ้าปูพื้น “หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำลึกมากกว่า 12 เซนติเมตร ควรปิดแอร์ เพื่อไม่ให้ใบพัดของพัดลมพัดน้ำกระจายทั่วห้องเครื่อง แล้วส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ นอกจากนั้น ควรใช้เกียร์ต่ำ โดยเกียร์ธรรมดา ใช้เกียร์ 1 หรือ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ ใช้เกียร์ L ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำสม่ำเสมอ ป้องกันอันตรายจากระบบคลัทช์ลื่น และเครื่องยนต์ดับ ทั้งนี้ ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง เพราะรถจะมีความร้อนสูงขึ้น ทำให้ใบพัดระบายความร้อนทำงาน และขณะพบรถกำลังขับสวนมา ควรลดความเร็วลง เพื่อหยุดการก่อตัวของคลื่นน้ำเข้าปะทะเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ จะสังเกตว่า ในช่วงแรกหลังลุยน้ำลึกมามักเบรคไม่อยู่ ควรพยายามย้ำเบรคไล่น้ำ สำหรับเกียร์ธรรมดาควรย้ำคลัทช์ด้วย จากนั้น ตรวจสอบภายในว่า น้ำเข้าพรมหรือไม่, เปิดกระโปรงรถเช็คน้ำมันเครื่อง และน้ำมันเกียร์ว่า มีสีผิดปกติหรือไม่ เช่น เปลี่ยนเป็นสีชา หรือ มีน้ำปน หากพบปัญหาควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจส่วนอื่น ๆ ร่วมด้วยอย่างละเอียดต่อไป”.
หน้า 5 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ฝ่ามืออากง ชมภาพ "เปลือยกาย เปิดใจ" ต่อต้านความเกลียดชังของ "คำ ผกา" และคุยกับคนคิดแคมเปญ "ฝ่ามืออากง" สะท้านFB ประวิตร โรจนพฤกษ์ สัมภาษณ์ "ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" นักรัฐศาสตร์ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ ถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของแคมเปญฝ่ามือ "อากง" ซึ่งกำลังได้รับการกล่าวขานถึงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในโลกเฟซบุ๊ก
---------- ตัวอย่างรูปถ่ายของผู้เข้าร่วมแคมเปญฝ่ามือ "อากง"
หน้า 6 วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ประดิษฐ์'เซ็กซ์ทอย'ช่วย'โลกสวยด้วยมือเรา
สำหรับผู้ชายขี้เหงาที่อยากมีตัวช่วยผ่อนคลายยามมีอาการหงุดๆ หงิดๆ งึกๆ งักๆ เรามีวิธีการประดิษฐ์ของเล่นแบบง่ายๆ ที่สามารถทำจากของใช้ภายในบ้านแปลงร่างกลายเป็นของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ที่ (คาดว่า) เมามันส์ได้อารมณ์
![]()
วัสดุอุปกรณ์ : แก้วน้ำ, ฟองน้ำ, โลชั่น ![]()
![]()
วัสดุอุปกรณ์ : ผ้าขนหนู, ถุงมือยาง, โลชั่น ![]()
วิธีการทำ : ![]()
![]()
วัสดุอุปกรณ์ : กระป๋องมันฝรั่ง, ฟองน้ำ, ถุงมือยาง, เชือกรองเท้า ภาพ/ข้อมูล : FHM ฉบับเดือนธันวาคม
หน้า 7 วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554 จอมแปลงปลอม ฟอสซิลดึกดำบรรพ์
นักวิชาการกำลังพิจารณากระดูกมนุษย์พิลท์ดาวน์. ![]() Caloneura dowsoni หนึ่งในฟอสซิลที่ชื่อวิทยาศาสตร์ลงท้ายด้วย ดอว์โซนิ ดาร์วินเองชี้แจงยืนยันมนุษย์กับลิงไร้หาง (ape) นั้นสืบทอดมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันแน่ๆ แต่ผู้ไม่เห็นด้วยก็แย้งว่า งั้นทำไมจึงไม่มีซากฟอสซิลให้เห็นประจักษ์ตาเล่า ฝ่ายสนับสนุนก็ตอบว่า มี...แต่ยังหาไม่เจอเท่านั้นแหละ และแล้ว หลังกาลเวลาผ่านพ้นไป 50 ปี หลักฐานสำคัญนี้ก็มีการประกาศว่าได้ ค้นพบแล้วจนได้ โดยนายชาร์ลส์ ดอว์สัน (Charles Dawson) ชาวอังกฤษ ได้ขุดค้นพบชิ้นส่วนกระดูกและฟันของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะครึ่งมนุษย์ครึ่งลิง บริเวณที่ขุดพบคือหลุมกรวดใกล้เมืองพิลท์ดาวน์ คอมมอน (Piltdown Common) ในมณฑลซัสเซกส์ตะวันออก (East Sussex) อังกฤษ ![]() กรามมมุษย์ที่ถูกเสริมแต่งด้วยฟันลิงอุรังอุตัง. ดอว์สันมีอาชีพเป็นนักกฎหมาย แต่สนใจในการเสาะหาและรวบรวมสะสมซากฟอสซิล ก่อนหน้าที่เขาจะค้นพบซากที่เรียกกันว่า “มนุษย์พิลท์ดาวน์” นั้น เขาได้เคยค้นพบซากดึกดำบรรพ์แปลกๆมาแล้วหลายอย่าง อาทิ ซากสัตว์เลื้อยคลานยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Prehistoricreptile) รวมทั้งซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและฟอสซิลพืชโบราณ จนเขาได้รับสมญานามว่า “พ่อมดแห่งซัสเซกส์” (Wizard of Sussex) ผลงานแต่ ละชิ้นที่เขาพบนั้นจะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ลงท้ายด้วยคำว่า “ดอว์โซนิ” (dowsoni) เพื่อเป็นเกียรติยศแก่ผู้ค้นพบ และเช่นกัน มนุษย์พิลท์ดาวน์อันเป็นผลงานลำดับ 4 ของเขาก็ได้รับชื่อในต่อมาว่า Eoanthropus dawsoni จุดมุ่งหมายที่ดอว์สันต้องการ ก็คือบรรดาศักดิ์พระราชทาน หรือเป็นท่านเซอร์ (Sir) นั่นเอง ดอว์สันได้ส่งสิ่งต่างๆที่เขาขุดพบในหลุมดังกล่าว อันประกอบด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ยุคหิน ฟันและชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์ที่มีความหนากว่าปกติ ไปให้เจ้าหน้าที่แห่งพิพิธภัณฑ์อังกฤษที่เขาติดต่อด้วยเป็นประจำ คือ ดร.อาร์เธอร์ สมิธ วูดวาร์ด (Arthur Smith Woodward) ก่อความตื่นเต้นแก่วูดวาร์ดจนติดตามดอว์สันไปดูบริเวณที่ขุดพบเป็นครั้งคราว เพราะนับเป็นครั้งแรกที่เพิ่งค้นพบของหลักฐานเชื่อมโยงที่ขาดหายไป ![]() มนุษย์นีนเดอร์ธาล. นอกจากวูดวาร์ดซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโนเบลไพรซ์แล้ว นักวิชาการดังๆของอังกฤษในยุคนั้น อาทิ อาร์เธอร์ คีธ (Arthur Keith), กราฟตัน เอลลิออต์ สมิธ (Grafton Elliot Smith) ต่างตื่นเต้นและยอมรับรองว่าซากดึกดำบรรพ์นั้นเป็นของแท้แน่นอน พร้อมกับร่วมกันสันนิษฐานความเป็นมาของฟอสซิลนั้น แล้วก็ขนานนามว่า “สตรีพิลท์ดาวน์” (Piltdown Woman) ด้วยว่าชิ้นส่วนกระดูกชี้ชัดว่าเป็นผู้หญิง นอกจากนี้ วูดวาร์ดยังกล่าวว่า จากความสึกกร่อนของฟันทำให้รู้ว่าเธอนั้นเป็นมังสวิรัติ กินแต่พืชผักผลไม้และที่สำคัญเธอเป็นใบ้-เนื่องจากไม่มีริ้วรอยบนกะโหลกที่เชื่อมต่อไปยังกล้ามเนื้อสำหรับออกเสียง การวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งถึงกึ๋นทำให้หลายคนเกิดความหมั่นไส้ ดังเช่น นสพ. “เดอะ เดลี เอ็กซเพรสส์” ได้เขียนเสียดสีกระแนะกระแหนว่า “เธอทำอาหารไม่เป็น เธอซักผ้าไม่ได้ ก่อไฟไม่ได้” ![]() ชาร์ลส์ ดอว์สัน ใครจะว่ายังไง ดอว์สันก็ไม่แยแส ขอดังก็พอ โดยเฉพาะเมื่อ ดร.วูดวาร์ดในฐานะผู้บริหาร บริติชมิวเซียม ได้ตกลงใจให้เกียรติตั้งนามฟอสซิลนี้ว่า “อีโอนโธรปุส ดอโซนิ” ดังกล่าวแล้ว อีกทั้งโชคยังช่วยให้ดอว์สันขุดพบชิ้นส่วนฟันและกระดูก รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้จากหลุมกรวดเพิ่มเติมอีกหลายชิ้นในช่วง 3 ปีถัดมา กระทั่งปี 1915 เขาก็ขุดพบกะโหลกและฟันชุดที่ 2 ของมนุษย์พิลท์ดาวน์ ห่างจากหลุมเดิมไปราว 2 ไมล์ ซากกระดูกเหล่านี้มีสีคล้ำแสดงถึงอายุอันยาวนานนับหมื่นปี อีกหนึ่งปีถัดมา ปี 1916 ดอว์สัน ก็เสียชีวิตในวัย 52 ปี ทว่า เสียงเล่าลือคัดค้านการค้นพบของดอว์สันก็เริ่มมีขึ้นก่อนเขาตายแล้ว โดย ศ.เดวิด วอเตอร์สตัน (David Waterston) ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาแห่งคิง’ส คอลเลจ, ลอนดอน ได้ให้ความเห็นว่ากรามของมนุษย์พิลท์ดาวน์นั้น คล้ายคลึงกับกรามของลิงชิมแปนซีมาก ส่วนนักโบราณคดีวิทยาอเมริกัน นายวิลเลียม โฮเวลลส์ (William Howells) ก็เห็นเช่นเดียวกัน แถมยังมีข่าวเล่าลือว่า ในวันหนึ่งมีคนเข้าไปเยี่ยมเยือนห้องทำงานของดอว์สันโดยไม่ได้เคาะประตู เขาได้เห็นดอว์สันกำลังง่วนอยู่กับการแต่งแต้มสีลงบนชิ้นส่วนกระดูกและกะโหลก อย่างไรก็ตาม นักวิทย์ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าหลักฐานเหล่านั้นเป็นของจริง และได้มีการปกปักรักษาชิ้นส่วนต่างๆ อย่างเข้ม งวด กันมิให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม ![]() กะโหลกมนุษย์พิลท์ดาวน์ในพิพิธภัณฑ์. กาลผ่านไปจน ถึงปี ค.ศ. 1949 ดร.เคนเน็ธ โอคลีย์ (Dr.Kenneth Oakley) นักธรณีวิทยาหนุ่มของบริติชมิวเซียม ได้รับอนุญาตให้ใช้เทคนิคใหม่ในการเอาชิ้นส่วนนิดๆของกระดูกไปทดสอบ ทั้งนี้ ถ้ากระดูกใดๆถูกฝังดินอยู่ช้านาน ก็จะดูดซึมเอาธาตุฟลูออไรด์เข้าไป ปริมาณฟลูออไรด์จะชี้บอกอายุของซากกระดูกนั้นได้อย่างแม่นยำ ผลการทดสอบพบว่ากะโหลกและกรามเหล่านั้นมีอายุเพียง 50,000 ปี ![]() รูปจำลองมนุษย์พิลท์ดาวน์ชาย. จากทฤษฎีที่บ่งชี้ว่า มนุษย์ปัจจุบันหรือ Homo sapien กำเนิดช่วง 30,000-50,000 ปี โดย พัฒนามาจากมนุษย์นีนเดอร์ธาล (Neanderthal) ที่มีชีวิตในช่วง 100,000 กว่าปี-50,000 ปีก่อน โน้น ส่วนช่วงแปรสภาพจากวานรเป็นมนุษย์ก็ควรเกิดล่วงหน้านีนเดอร์ธานไปอีกนับแสนปี แต่การที่พิสูจน์อายุของมนุษย์ พิลท์ดาวน์แล้ว พบว่าอยู่เพียงแค่ช่วงเดียวกับนีนเดอร์ธาล ทำให้ผู้รู้ทั้ง หลายตั้งข้อสงสัยขึ้นทันที นักวิชาการที่ไขข้อสงสัยนี้ออกมาได้แก่ ดร.เจ.เอส. ไวเนอร์ (Dr. J.S. Weiner) แห่งมหา วิทยาลัยออกซฟอร์ด เขาพยายามหาข้อสรุปว่าทำไมมนุษย์พิลท์ดาวน์จึงมีกะโหลกหนาผิดปกติ และฟันกรามคล้ายกับฟันลิง ครั้นแล้วก็ตรวจสอบพบว่าการที่ฟันมีร่องรอยสึกกร่อนจนแบนราบนั้นเป็นเพราะมันถูกตะไบ! ![]() ฟันของมนุษย์พิลท์ดาวน์. ดังนั้น ดร.ไวเนอร์จึงหาฟันของชิมแปนซีมาซี่หนึ่ง แล้วเอามาตะไบจนเรียบ แล้วแต่งเติมสีคล้ำๆเข้าไป ผลที่ได้คือฟันที่มีลักษณะเหมือนฟันมนุษย์พิลท์ดาวน์แทบไม่ผิดเพี้ยน เพื่อสนับสนุนการสืบสวนของ ดร.ไวเนอร์ ดร.โอคลีย์จึงลงมือทดสอบอายุของฟันที่ได้มาจากดอว์สันอีกครั้งในปี 1953 แล้วก็สรุปออกมาได้ว่า แม้กะโหลกจะเป็นฟอสซิลแท้ที่มีอายุ 50,000 ปี แต่ฟันกรามนั้นถูกปลอมแปลงขึ้น เพราะสีคล้ำในเนื้อฟันมิได้เกิดจากการดูดซึมฟลูออไรด์มาช้านาน ทว่ามาจากแต่งแต้ม แท้จริงแล้วเป็นฟันของลิงอุรังอุตังที่มีชีวิตอยู่ในยุคใหม่นี้เอง และมันถูกตะไบเรียบร้อยก่อนจะนำมาลงสี ใครคือตัวการที่ปลอมแปลงฟันเพื่อหลอก ลวงชาวโลก? ทุกคนเพ่งเล็งไปยังดอว์สัน เพราะเขาเป็นผู้ครอบครองฟอสซิลเหล่านี้ ประกอบกับมีความรู้แตกฉานในเรื่องโครงสร้างของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ แถมยังมีความสามารถในการใช้สารเคมีแต่งเติม สี และเมื่อเขาตายไปในปี 1916 นับจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดค้นพบชิ้นส่วนมนุษย์พิลท์ดาวน์อีกเลย แม้แต่ ดร.วูดวาร์ดผู้ให้ความสนับสนุนดอว์สัน และก็ยังคงสำรวจค้นหาฟอสซิลพิลท์ดาวน์ต่อไปอีกหลายปีหลังการตายของดอว์สัน ![]() การขุดค้นที่เมืองพิลท์ดาวน์ คอมมอน. อีกคนหนึ่งซึ่งอาจเป็นตัวการปลอมแปลงก็คือ มาร์ติน ฮินตัน (Martin Hinton) ซึ่งภายหลังได้เป็นผู้ดูแลรักษาซากสัตว์ต่างๆในบริติชมิวเซียม โดยในปี 1975 ได้มีการพบหีบใบใหญ่บนห้องเพดานของพิพิธภัณฑ์ ภายในหีบบรรจุไว้ด้วยชิ้นส่วนกระดูกต่างๆที่มีการแต้มเติมสีไว้ในแบบเดียวกันกับกระดูกพิลท์ดาวน์ เชื่อกันว่าเป็นหีบของฮินตัน ทั้งนี้ผู้ที่ทำงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์เปิดเผยว่า วูดวาร์ดเคยปฏิเสธไม่ยอมรับฮินตันเข้ามาทำงานในพิพิธภัณฑ์ ฮินตันจึงแกล้งสร้างหลักฐานปลอมแปลงเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อแหกตาวูดวาร์ด และทำให้เขาเสียหน้า ทว่าผลของการแหกตาได้ไปไกลสุดกู่เกินกว่าที่เขาคาดคิด แต่ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของใครก็ตาม ผลงาน ของเขาสามารถตบตาได้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ชั้นเยี่ยมที่สุดของยุคนั้นถึง 3 คน ได้แก่ วูดวาร์ด, คีธ และสมิธ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คำตอบก็คือ นักวิทย์อังกฤษทั้งหลายมีความรู้สึกต้อยต่ำที่มิได้มีส่วนร่วมในการค้นพบหลักฐานมนุษย์ดึกดำบรรพ์ดังชาติอื่น อาทิ เยอรมันได้ค้นพบมนุษย์นีนเดอร์ชาลในปี 1856 ฝรั่งเศสค้นพบมนุษย์โครมันยอง (Cro-Magnon) ในปี 1868 ด้วยเหตุนี้พอมีโอกาสมีส่วนร่วมในการค้นพบครั้งสำคัญนี้ ความภาคภูมิใจจึงได้ปิดบังสายตาของเหล่านักวิทย์อังกฤษ จนไม่ทันสังเกตเห็นร่องรอยแห่งการตะไบหรือการตกแต่งสี ส่งผลให้หน้าแตกเย็บไม่ติดโดยถ้วนหน้ากัน. ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
หน้า 8 วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ยลภาพสุดยอดปรมาจารย์ ว่าด้วยศาสตร์แห่งการพรางตัว
Picture : Caters News Agency
สัตว์นานาชนิดพรางตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบตัว อย่างแยบยลเพื่อเลี่ยงการโจมตีจากศัตรู... ![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
หน้า 9 วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ฆ่าตัวตายพิสดาร! หนุ่มโบลิเวียโดดน้ำให้'ปิรันยา'แทะ
ตำรวจพบศพนักตกปลาหนุ่มวัย 18 ปี ที่แม่น้ำยาตา ของโบลิเวีย ศพมีบาดแผลถูกกัดโดยปลาปิรันยาหลายสิบแห่ง เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเป็นการฆ่าตัวตาย... ![]()
จุดเกิดเหตุ ![]()
ฟันคมกริบ
หน้า 10 วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เนรมิตหอไอเฟลโด่งดังของโลก ให้เป็นต้นไม้ยักษ์สูงค้ำฟ้าข้ามปี
หอไอเฟลอันเป็นหอคอยแบบสัญลักษณ์ที่โด่งดังที่สุดของโลก จะกลายเป็นต้นไม้ยักษ์สูงค้ำฟ้าถึง 327 เมตร หากว่าความฝันของกลุ่มวิศวกรเขียวกลุ่มหนึ่งเป็นจริงขึ้นมา ![]()
หน้า 11 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554 กรี๊ด...เทสต์ 'เสียว ตับ ไต ไส้ พุง' กระเพื่อมกับ 8 เครื่องเล่นสวนสยาม!!
ในวันหยุดยาวๆ แบบนี้ ไทยรัฐออนไลน์พาทุกคนไปคลายเครียดกันที่สวนสยาม ไปเล่นเครื่องเล่น มากมายที่ต้องบอกว่าคนที่ไม่ชอบความหวาดเสียว กระทั่งคนที่ชอบความหวาดเสียวชอบความท้าทาย ได้ทดลองเพราะเมื่อเราตื่นเต้นแล้วสารอะดรีนาลีนจะหลั่งออกมา ความสุขก็จะบังเกิด ... ![]()
2.Giant Drop ยักษ์ตกตึก
3.Log Flume ล่องซุงมหาสนุก ![]()
4.Boomerang รถไฟเหาะตีลังกา ความเสียว 360 องศา ![]()
5.Dragon เรือเหาะไวกิ้ง ![]()
6.คุยกับเทวดานางฟ้ากับ - หอคอยชมวิวลอยฟ้า
พักความปั่นป่วนของร่างกายกับหอคอยชมวิวลอยฟ้า (SI-AM Tower) หอคอยชมวิวปรับอากาศเย็นฉ่ำชื่นใจคลายร้อนได้ดีทีเดียว แถมยังได้ชมวิวกรุงเทพฯสุดสายตา 360 องศา ที่ความสูง 109 เมตร ที่สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ![]()
7.Grand Canyon Express ![]()
ปิดท้ายความประทับใจด้วยเครื่องเล่นสุดคลาสสิกกับ Double-Deck Merry-Go-Round ม้าหมุนสองชั้น ไม่จำกัดว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นบนหลังอาชา และรถฟักทองในนิยายโบราณ โดยเฉพาะเวลาใกล้ค่ำจะทอดแสงสวยงามออกมาราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยาย พร้อมเก็บเรื่องราวประทับใจกลับบ้าน สมกับสโลแกน “โลกแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม” จริงๆ
หน้า 12
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ตึกหมอก"สุดเหมือน อึ้ง เกาหลีใต้สร้าง"ตึกหมอก"สุดเหมือน"เวิล์ดเทรดถูกถล่ม" บริษัทปฎิเสธ"ไม่ได้ล้อเลียน"สหรัฐ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ว่า บริษัท"MVRDV"สร้างความฮือฮาหลังถูกพบว่า วิศวกรของบริษัทได้วางแผนสร้างตึกรูปร่างคล้าย"อาคารเวิล์ดเทรดถูกเพลิงวอดไหม้"จากเหตุการณ์ 11 ก.ย.โดยอาคารmujถูกออกแบบดังกล่าวนี้ อาคารหนึ่งมีความสูง 206 เมตร และอีกอาคารสูง 300 เมตร เชื่อมกันด้วย"หมอกเทียม"โดย ขณะที่บริษัทบอกว่า บริษัทไม่ได้เห็น"ความคล้ายคลึง"ของตึกดังกล่าวว่า จะเหมือนกับอาคารเวิล์ดเทรดในสภาพถูกเพลิงไหม้ ในระหว่างการกระบวนการออกแบบ
บริษัท"MVRDV"ระบุว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่อาคารแห่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกนึกถึงตึกแฝดเวิล์ดเทรดของสหรัฐ โดยบริษัทไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างที่คล้ายคลึงการโจมตีอาคารตึกแฝดของสหรัฐ และบริษัทไม่ได้เห็นความคล้ายคลึงใด ๆ ระหว่างการออกแบบเลย และเราขอโทษอย่างจริงจังต่อบุคคลที่อาจจะรู้สึกเจ็บปวดที่เราอาจก่อขึ้น รายงานระบุว่า ตึกดังกล่าวซึ่งมีกำหนดจะสร้างเสร็จในปี 2015 เป็นอาคารหรู ตั้งอยู่ในกรุงโซล ในย่านชุมชนหนาแน่น โดยตึกแห่งหนึ่งมี 54 ชั้น และอีกตึกมี 60 ชั้น มีพื้นที่ครอบคลุมเท่ากับ 128,000 ตร.เมตร ตึกนี้มีชื่อว่า"เดอะ คลาวด์"และยังประกอบด้วยห้องฟิตเนส,สระว่ายน้ำ,ภัตตาหาร,ร้านคาเฟ่ และศูนย์ประชุม
หน้า 13 วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปฏิบัติการนี้...ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียลทุกท่าน ถึงตอนนี้คนส่วนใหญ่ในประเทศคงจะสบายขึ้นบ้างจากภาวะน้ำท่วมที่คลี่คลายลงทุกขณะ แต่ในขณะเดียวกัน บางพื้นที่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ก็ขอร่วมเป็นแรงใจให้ทุกคนได้ผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้ร่วมกันนะคะ ![]() ภาพยนตร์เรื่อง Topkapi.
![]() ระหว่างการถ่ายทำภาคล่าสุด
![]() ในรูปแบบหนังสือ.
![]() ในหนังสือการ์ตูน.
![]() จากภาพยนตร์มาสู่เกม.
![]() ในยุคทีวีขาวดำ.
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
หน้า 14 วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554 4 ชาติพันธมิตรเตือนญี่ปุ่นดันทุรังล่าวาฬ อาจเจอประท้วงรุนแรง
รัฐบาลสหรัฐฯออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ออกแถลงการณ์ร่วมกันผ่านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 13 ธ.ค. เตือนญี่ปุ่นที่ยังคงนำเรือออกสู่น่านน้ำแอนตาร์กติกเพื่อล่าวาฬว่า อาจต้องเผชิญเหตุประท้วงขั้นรุนแรงจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจนอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ หรือถึงขั้นเสียชีวิต...
ท่าทีดังกล่าวของทั้ง 4 ชาติมีขึ้นหลังรัฐบาลญี่ปุ่นส่งเรื่องชี้แจงต่อคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ กำหนดการจับวาฬมิงก์กับครีบวาฬปีนี้ราว 900 ตัว ทั้งที่การล่าวาฬเชิงพาณิชย์เป็นข้อห้ามตามสนธิสัญญาสากล แต่ก็ยังมีญี่ปุ่นกับไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ที่ฝ่าฝืนกฎดังกล่าว
หน้า 15 วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สุดสยอง ลิฟต์หนีบผู้บริหารหญิงบ.โฆษณานิวยอร์กเสียชีวิตคาที่ เกิดอุบัติเหตุลิฟต์โดยสารหนีบผู้ใช้บริการที่อาคารสำนักงานสูง 26 ชั้นใกล้สถานีแกรนด์ เซ็นทรัล เทอร์มินอล นครนิวยอร์ก ทำให้ผู้บริหารหญิงของบริษัทโฆษณาวัย 41 ปีเสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้โดยสารอีก 2 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสุขภาพจิต จากอาการเสียขวัญสุดขีด หลังจากที่เห็นคนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
ภาพ: CBS/AP/Facebook ตำรวจระบุว่าผู้เสียชีวิตคือนางซูซาน ฮาร์ท วัย 41 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ เนื้อหา และประสบการณ์ประเภทใหม่ จากบริษัทยังแอนด์รูบิแคม (วายแอนด์อาร์) ด้านเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและความปลอดภัยสาธารณะเปิดเผยว่า นางซูซาน ฮาร์ท เสียชีวิตจากลิฟต์หนีบ ก่อนเกิดเหตุ นางฮาร์ทอยู่บนชั้นหนึ่งเพื่อเดินทางไปทำงานในเวลา 10.00 น. ณ อาคารเลขที่ 285 ถนนเมดิสัน เอเวนิว โดยเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อเท้าของเธอติดในช่องว่างระหว่างลิฟต์กับพื้น และถูกลิฟต์ลากขึ้นไปกระแทกชั้น 2 โดยที่เท้าติดอยู่และประตูลิฟต์ยังเปิด ด้านผู้โดยสารลิฟท์ 2 รายที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นสตรีวัย 36 ปี และชายชาวเอเชีย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสภาพจิต เนื่องจากเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ขณะที่สาเหตุที่ลิฟท์ทำงานผิดพลาดยังคงไม่มีการระบุแน่ชัด ทั้งนี้ จากบันทึกการตรวจสอบลิฟท์ระบุว่า ลิฟต์ตัวดังกล่าวได้รับการตรวจสอบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนั้นทางการยังพบว่าอาคารดังกล่าวกระทำการละเมิดบทบัญญัติว่าด้วยอาคารสูงของนครนิวยอร์กถึง 56 ข้อ ที่เกี่ยวข้องกับลิฟท์ 13 ตัวในอาคาร ที่ย้อนไปถึงปี 2001 รายงานระบุว่า อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทโฆษณาวายแอนด์อาร์ ของนางฮาร์ทมานานแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังสอบสวนหาสาเหตุร่วมกับสำนักงานอาคารนครนิวยอร์ก โดยมุ่งไปที่กลไกความปลอดภัยป้องกันลิฟต์ไม่ให้เคลื่อนที่ขณะประตูยังเปิดอยู่ โฆษกของสำนักงานอาคารนครนิวยอร์กกล่าวว่า มีการตรวจสภาพลิฟต์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และไม่พบสิ่งผิดปกติที่จะมีผลต่อความปลอดภัย และว่าครั้งสุดท้ายที่ลิฟต์ถูกตรวจพบไม่ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยเกิดขึ้นในปี 2003 แต่ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว ลิฟท์นี้เป็น 1 ใน 13 ตัวของอาคาร โฆษกของบริษัทวายแอนด์อาร์ เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า มีแผนจะย้ายไปอยู่สำนักงานแห่งใหม่
หน้า 16 วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ให้รางวัลชีวิตตัวเองกันเถอะ
De Preco
หน้า 17 วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สาวโรตีครองสถิติ "ตัวเล็ก" ที่สุดในโลก สูงแค่ 23 นิ้ว
Picture : thesun.co.uk ![]()
โดยช่วงเช้าของวันที่ได้รับการบันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ เจโยติฉลองวันเกิดพร้อมขนมเค้กก้อนโตขนาดเกือบเท่าตัวของเธอ โดยมีสมาชิกครอบครัวร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเธอเผยด้วยว่า "มันเป็นความฝันของฉันที่รอคอยมาหลายปี ที่ได้เป็นเจ้าของสถิติตัวเล็กที่สุดในโลก" ทั้งนี้ เจโยติ เป็นคนแคระจากสาเหตุภาวะกระดูกอ่อนไม่เจริญ พัฒนาการทางร่างกายหยุดเติบโตตั้งแต่อายุ 1 ขวบ นอกจากนี้ เจโยติยังจะได้ร่วมงานแสดงภาพยนตร์บอลลีวูดด้วยกันถึง 2 เรื่องในปีหน้า. ![]()
หน้า 18 วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554 สังเกตอาการ 'ผู้หญิง' กำลังตกหลุมรัก!!!!
ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง จะรักจะชอบใครมันก็ต้องเก็บอาการกันบ้าง แต่การเก็บงำอารมณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้ผู้ชายที่กำลังตามส่งข้าวส่งน้ำ อาจจะรู้สึกท้อแท้ใจจนไม่อยากสู้ต่อ ไทยรัฐออนไลน์จึงอยากช่วยให้ชายหนุ่มมีกำลังใจในการพิชิตใจสาวในฝัน ด้วยการสังเกตท่าทาง หรือการกระทำบางอย่างของผู้หญิงที่หมายปอง ว่าตอนนี้เขากำลังชอบคุณตอบกลับมาเหมือนกัน ![]()
![]()
![]()
ข้อมูล : http://nwso.net Twitter : quet_thairath
หน้า 19 วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ภาพไม้กางเขน ตะลึง ท่อนไม้ปรากฎ"ภาพไม้กางเขน" เชื่อเป็น"ไม้ศักดิ์สิทธิ์-ตัวแทนแห่งศรัทธาพระเจ้า" สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดกรณีชวนตะลึง ไม้ต้นหนึ่งในโบสถ์แห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ถูกตัด ได้ปรากฎภาพลักษณะคล้าย"ไม้กางเขน"อยู่เหนือเนื้อไม้ที่ถูกตัด สร้างความฮือฮาให้ไปทั่วโลก และมีการขนานนามไม้ดังกล่าวด้วยฉายาต่าง ๆ นาน ๆ เช่น"กางเขนลึกลับ" สิ่งมหัศจรรย์ และ"การแทรกแซงของสวรรค์"
รายงานระบุว่า นายจิม แรนตส์ เจ้าของพื้นที่โบสถ์ดังกล่าวเป็นคนแรกที่พบเห็นไม้ต้นนี้ หลังจากมีการตัดไม้ไฟน์ และท่อนไม้ดังกล่าวได้ร่วงลงยังบริเวณโบสถ์ และเขากล่าว่า น่าอัศจรรย์มากที่สิ่งอย่างนี้จะปรากฎบนพื้นที่โบสถ์ และถือเป็นการแทรกแซงของสรวงสรรค์ ขณะที่บาทหลวงของโบสถ์ได้ขนานนามท่อนไม้ดังกล่าวว่าเป็น"สิ่งน่าประหลาดใจแห่งปิติสุข"และว่า สิ่งที่ปรากฎมาให้มนุษย์เห็นเช่นนี้ อาจเป็นแรงกระตุ้นให้แก่ผู้ศรัทธาแห่งคริสต์ศาสนา ซึ่งได้ไม้กางเขนซึ่งเป็นตัวแทนแห่งศรัทธาพระเจ้า ที่พระเจ้าได้ตายเพื่อให้เราได้มีชีวิตยืนยาว
หน้า 20 วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554 นายพรานถูกสุนัขตัวเองยิง
ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจังเล้ย...นายบิลลี่ อี.บราวน์ อายุ 78 ปี พรานชราชาวมะริกัน ขับรถพาเพื่อนพร้อมด้วย เอลี่ หมาล่าเนื้อพันธุ์บูลด๊อก ไปล่ากวางป่า ดอย ดอกฝิ่น
หน้า 21 วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554 6 อภิมหาเรือยอชต์
การพักผ่อนหย่อนใจของเหล่าผู้มีอันจะเหลือกิน นอกเหนือไปจากของเล่นต่างๆ เช่น รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ความเร็วสูง เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว บ้านพักตากอากาศสุดหรูแล้ว ยังมีอุปกรณ์ในการขับเคลื่อนทางน้ำอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสมรรถนะสูงสุดเท่าที่อำนาจของเงินจะดลบันดาล อุปกรณ์ดังกล่าวนั่นก็คือ ''เรือยอชต์'' หรือเรือสำราญ ที่ถูกเนรมิตขึ้น เพื่อสนองความต้องการในการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากธรรมดา... ![]()
![]()
Velvet 35
![]()
Benetti Diane Luxury ![]()
เรือยอชต์ Benetti Diane Luxury มีตำแหน่ง หรือ Cockpit ในการควบคุมตัวเรือถึงสองตำแหน่ง จุดแรกอยู่บนส่วนท้ายของชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่ง จุดที่สองสามารถย้ายการควบคุมมาที่ห้องควบคุมส่วนกลางที่ปิดทึบยามเกิดพายุ หรือสภาพอากาศไม่ดี ระบบที่ใช้งานในการนำร่องมีความทันสมัยเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เดินเรือแบบดิจิตอลคอนโทรล จอแอลซีดีแจ้งเตือนต่างๆ 6 จอ ระบบนำร่องอัตโนมัติที่ทำงานควบคู่ไปกับระบบดาวเทียม กำหนดพิกัดที่แม่นยำ วิทยุ และโทรศัพท์ดาวเทียม เรดาร์สามมิติ ที่แจ้งเตือนทั้งทิศทาง ความเร็ว และความลึกของระดับน้ำทะเลในขณะที่เรือแล่นผ่าน นอกจากนั้น ยังมีเรือเล็กที่สามารถบรรทุกไปได้พร้อมกับเรือใหญ่ ประกอบไปด้วยเรือเร็วขนาดเล็ก Novurania CL 600 tender เครื่องยนต์อินบอรด์ท 190 แรงม้า เรือเจ็ตสกี Kawasaki 800 SXR เครื่องยนต์ 800 c.c. สำหรับเศรษฐีที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเช่าต่อ 1 อาทิตย์ประมาณ 135,000 ยูโร หรือถ้าอยากจะครอบครอง ก็คงต้องถอนขนหน้าแข้งสัก 27 ล้านยูโร เพื่อการเป็นเจ้าของเรือ Benetti Diane Luxury อย่างเต็มภาคภูมิ ![]()
![]()
Yachts Plus 40 ![]()
![]()
Maltese Falcon ![]()
![]()
ภายในเคบิน ประกอบด้วย มาสเตอร์รูม หรือห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง ห้องพักสำหรับแขก 5 ห้อง และห้องลูกเรืออีก 8 ห้อง ทุกห้องล้วนได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และความบันเทิงต่างๆ อย่างครบครัน อาทิ ทีวีจอพลาสมาขนาด 42 และ 50 นิ้ว ที่สามารถรับชมรายการต่างๆผ่านทางระบบดาวเทียม เครื่องเล่น DVD และเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมจาก Bang & Olufsen ทำให้มันขึ้นทำเนียบของ เรือยอชต์สุดหรูลำใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบดีที่สุดในโลก และมีราคาแพงที่สุดในโลก ![]()
![]()
Wally Power 118 ![]()
![]()
แรงม้าที่มากมายมหาศาล ใช้ในการขับเคลื่อนลำเรือของ Wally Power 118 ที่มีน้ำหนักถึง 95 ตัน ให้สามารถวิ่งไปบนผิวน้ำด้วยความเร็วกว่า 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้มันกลายสภาพมาเป็นเครื่องจักรบนผิวน้ำ ที่มีความเร็วมากกว่าเรือเร็วโจมตีของกองทัพเรือทั่วโลก บนตัวเลขกว่า 70 นอตต่อชั่วโมง ทำให้มันขึ้นถึงจุดสูงสุดของความเร็วในประเภทเรือยอชต์ ที่เรือใหญ่ขนาดนี้จะสามารถทำได้ ภายในเคบินตกแต่งอย่างหรูหราด้วยสไตล์สีโทนดำขาว บวกงานไม้สีโทนอ่อนชั้นดี หนังแท้เกรดสูง และอะลูมิเนียม ห้่องส่วนกลางของลำเรือ เป็นห้องรับแขกและห้องนั่งเล่น ที่ใช้กระจกกันแดดสีเข้ม เป็นหลังคาแบบ Panorama ที่ผู้โดยสารไปกับเรือลำนี้ สามารถเพิ่มมุมมองภายนอกได้ 360 องศารอบตัว ส่วนสะพานเดินเรือหรือห้องบังคับการ จะอยู่ตรงกึ่งกลางของตัวเรือ เพื่อความเสถียรยามแล่นด้วยความเร็ว ระบบเดินเรือที่ทันสมัย พร้อมพรั่งไปด้วยเรดาร์ทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำ ระบบสื่อสารทางไกลด้วยดาวเทียม ระบบนำร่องแบบดิจิตอล ห้องนอนขนาดใหญ่ก็ยังใช้กระจกเป็นวัสดุที่ใช้ประกอบกันขึ้น เป็นทั้งผนังและเพดานติดตั้งระบบปรับอากาศทั่วทั้งลำ ในราคาประมาณ 17.7 ล้านยูโร ![]()
![]()
![]()
Couach Yachts 3700 Fly
หน้า 22 วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ผู้กุมชะตาโลก 2011 หลากแอ๊กชั่น"ผู้นำ" ประมวลภาพช่วงเวลาสำคัญของเหล่า"บุรุษสตรี"ผู้กุมชะตาโลก 2011
ช่วยกันตบ
หน้า 23 วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554 คู่มือเที่ยวอุทยานฯ" ขาล่อง ชอบขึ้นเขา สัมผัสภู หนาวบนดอย ศึกษาไว้! "คู่มือเที่ยวอุทยานฯ" ช่วงเทศกาลหยุดยาว
น้องน้ำผ่านไป พี่หนาวย่างกรายเข้ามาแทนที่ ใครอยากเที่ยวอยากพักผ่อนช่วงหน้าหนาว ปีนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เชิญชวนคนไทยที่เคยทุกข์ใจกับเรื่องน้ำท่วม หลังล้างบ้านและจัดการปัญหาเสร็จแล้ว หาโอกาสไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ เพื่อพักผ่อนกายและใจ ตักตวงความสุขเอาไว้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตในภายภาคหน้าเผื่อว่าน้ำมันจะท่วมอีก (ฮา)
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พักรบจากเรื่องจัดการกับผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงชั่วคราว มาพูดถึงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติที่น่าสนใจในช่วงฤดูหนาว ว่ากันว่าปีนี้คนสนใจกันมาก หลายพื้นที่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์บ้านพักถูกจองกันยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าโน่น
สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นชื่อว่าควรจะเดินทางไปเที่ยวชมศึกษา และสัมผัสมากที่สุดในช่วงหน้าหนาวปีนี้ ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ ที่นี่มีจุดชมทิวทัศน์ดอยกิ่วลม เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามมากที่สุดและมีชื่อเสียงมากในด้านการท่องเที่ยวที่จะชมทะเลหมอกในช่วงเช้าตรู่
อุทยานแห่งชาติภูซาง จ.พะเยา น้ำตกภูซาง เป็นน้ำตกที่มีน้ำอุ่นเพียงแห่งเดียวที่พบในประเทศไทย อุณหภูมิสูงถึง 35-36 องศาเซลเซียส น้ำตกตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยผาหม่น ใต้น้ำตกเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกต จึงเหมาะสำหรับการลงแช่น้ำให้อบอุ่น สบายตัว
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก มีทุ่งโนนสน เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนเขา ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ตามบริเวณลานหินจะเต็มไปด้วยดอกไม้เล็กๆ รวมทั้งกล้วยไม้ดินนานาชนิด เป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก มีลานหินแตก มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนว
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชร ช่องเย็น (กม.93) เป็นจุดสูงสุดของถนนคลอง ลาน-อุ้มผาง และเป็นจุดสุดท้ายที่ยานพาหนะ เข้าถึง มีความสูงประมาณ 1,340 เมตร จาก ระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณนี้เป็นช่องเขาที่มีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แนะนำให้เดินทางไป อุทยานแห่งชาติปางสีดา และ อุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งอุทยานแห่งชาติปางสีดา มีหอดูสัตว์เหมือนที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้วย
ส่วน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แนะนำให้เดินทางไป อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อุทยานแห่งชาติตาดหมอก และ อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ที่มาข้อมูลจาก หน้า 13,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2554
หน้า 24 วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554 Trend can do : ติ๊กต่อก ๆ นาฬิกาแผ่นเสียง
มาใช้หัวคิดประดิษฐ์ของใช้เองกันกับ Trend can do ในสัปดาห์นี้ ยังวนเวียนกับแผ่นเสียงที่ใช้การไม่ได้แล้ว ใครที่มีสะสมเก็บอยู่จนรกบ้าน ลองมาดูไอเดียนี้ดู เพราะคุณจะได้ของเท่ๆ ไว้ใช้ แทนที่จะทิ้งแผ่นเสียงพวกนี้ไปเปล่าประโยชน์ ![]()
1.เจาะรูตรงกลางแผ่นเสียง โดยใช้แผ่นไม้ 2 แผ่นประกบแผ่นเสียง แผ่นไม้ด้านล่างรองเป็นฐาน ส่วนแผ่นไม้อีกแผ่นเจาะรูเล็กๆ ไว้ก่อน (เพื่อเป็นรูนำ) วางทับด้านบนแล้วจึงเจาะรูที่แผ่นเสียง วิธีนี้เป็นการป้องกันไม่ให้แผ่นเสียงแตกหัก ![]()
2.นำลวดมาขดเป็นตัวแขวนไว้ที่ฐานด้านหลังกล่องนาฬิกา ![]()
3.นำชุดนาฬิกาพร้อมเข็มติดตั้งเข้าที่รูแผ่นเสียงที่เจาะไว้ เป็นอันเสร็จ ![]()
หน้า 25 วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554 กำเนิด "ตินติน" อมตะการ์ตูนผจญภัย
แม้ว่า “จอร์จ เรมี” เจ้าของนามปากกา “แอร์เช” ผู้สร้างการ์ตูนอมตะ “ตินติน” จะไม่เคยเอ่ยปากออกมาชัดๆ แต่เหล่าผู้คลั่งไคล้ตินตินจำนวนไม่น้อยเลย ก็เชื่อกันว่าจอร์จ เรมี ได้แรงบันดาลใจ ![]() ตินตินในภาพยนตร์ 3 มิติ. ![]()
ตินตินเป็นตัวละครเอกในการ์ตูนชุด “การผจญภัยของตินติน” และอันที่จริงแล้ว ตินติน (Tintin) มาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งต้องออกเสียงเป็น “แตงแตง” แต่คนไทยเคยชินกับการออกเสียงตามแบบภาษาอังกฤษว่า ตินตินมากกว่า เพราะฉะนั้น ก็ขอใช้ตินตินตามความเคยชินนะคะ ตามท้องเรื่องจากจินตนาการของจอร์จ เรมี นั้น ตินตินเป็นนักข่าวหนุ่มที่มักจะเดินทางไปตามสืบเรื่องโน้นเรื่องนี้ทั่วโลก พร้อมกับเจ้าหมาน้อยสีขาวคู่ใจ ชื่อ “สโนวี่” และบรรดาผองเพื่อน ที่ทั้งหมดต่างก็กลายเป็นอมตะบนหน้าหนังสือการ์ตูนยอดฮิต ซึ่งหลังจากเปิดตัวมาพบ กับผู้อ่านทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ในเบลเยียมบ้านเกิดของจอร์จ เรมี แล้ว การ์ตูนชุดตินตินก็ดังระเบิดจนถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาต่างๆทั่วโลกกว่า 50 ภาษา และมียอดขายแล้วมากกว่า 200 ล้านเล่ม จอร์จ เรมี เขียนเรื่องราวการเดินทางรอบโลกของตินตินเอาไว้ 24 ตอน ก่อนจะเสียชีวิต และแม้จะมีผู้พยายามทำเลียนแบบ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า ตินตินของแท้มีเพียง 24 เรื่อง กับการเดินทางอันแสนสนุก 24 ครั้ง จากปลายปากกาของต้นตำรับ ![]() ปาลเล ฮัลด์ ในวัยชรากับหนังสือผลงานของเขา. ![]() จอร์จ เรมี ผู้ให้กำเนิดตินติน. ส่วนที่ว่าผู้สร้างตินตินขึ้น ได้แรงบันดาลใจมาจากปาลเล ฮัลด์ จริงหรือเปล่า คงต้องมาตามดูชีวิตของฮัลด์กันต่อล่ะค่ะ ฮัลด์เป็นดาราภาพยนตร์ผู้มีชื่อเสียงชาวเดนมาร์ก เขาเพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยวัยเฉียดร้อย แต่ก่อนที่จะโด่งดังในฐานะนักแสดงนั้น ฮัลด์เคยเป็นเด็กหนุ่มที่คนทั้งโลกจับตามองมาแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1928 ซึ่งในตอนนั้นหนังสือพิมพ์โพลิติเคน (Politiken) ของเดนมาร์ก ได้ประกาศจัดการแข่งขันครั้งใหญ่ เพื่อร่วมระลึกในวาระการครบรอบ 100 ปี ของจูลส์ เวิร์น นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนหนังสือที่คนทั้งโลกรู้จักกันดี คือ “80 วันรอบโลก” หรือ Around the World in Eigthy Days โพลิติเคนอยากเลียนแบบการเดินทางใน 80 วันรอบโลก จึงออกประกาศว่า จะคัดเลือกเด็กวัยรุ่นชายเพียงคนเดียวให้มาเดินทางรอบโลกให้ได้ภายใน 46 วัน โดยจะใช้พาหนะอะไรก็ได้ ยกเว้นเครื่องบิน และจากผู้สมัครจำนวนมากมาย โพลิติเคนก็ตัดสินใจเลือกฮัลด์ ซึ่งในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุ 15 ปี ที่ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว แต่ออกมาทำงานเป็นเสมียนในร้านขายรถยนต์ ด้วยทักษะติดตัวจากการเป็นลูกเสือเก่า ฮัลด์ผู้มีจิตใจแห่งการผจญภัยรับคำท้าและออกเดินทางจากบ้านเกิดในเดนมาร์กไปตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1928 โดยเลือกใช้พาหนะทั้งรถไฟ เรือ รถยนต์ ในการเดินทางไปยังหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สกอตแลนด์ แคนาดา ญี่ปุ่น โซเวียต โปแลนด์ เยอรมนี ฯลฯ โดยมีสื่อมวลชนติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิด ก่อนจะวกกลับมาถึงเดนมาร์กอีกครั้ง ใช้เวลาเพียง 44 วัน ตอนกลับถึงบ้าน ฮัลด์ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ จากเด็กหนุ่มกลายเป็นวีรบุรุษ และใช้ประสบการณ์เขียนเป็นหนังสือชื่อ “ลูกเสือตัวคนเดียวเที่ยวรอบโลก” หรือ A Boy Scout Around The World ซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในหลายภาษา เรียกว่าดังตั้งแต่เด็ก ![]() ตินตินที่ใช้หุ่นถ่ายแบบ Stop Motion. ![]() ภาพยนตร์ตินตินที่ใช้คนแสดงเป็นครั้งแรก (ปี 1961) หลังจากฮัลด์ เด็กชายวัยรุ่น ผมแดง จมูกเชิด จากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ได้กลายเป็นนักผจญภัยที่น่าจับตามองได้ไม่นานนัก ในปีต่อมา คือเดือนมกราคม ค.ศ.1929 จอร์จ เรมี นักเขียนการ์ตูนชาวเบลเยียม ก็ได้สร้างสรรค์การ์ตูนชุด “ตินติน” ขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยเรื่อง “ตินตินในแผ่นดินโซเวียต” หรือ Tintin in the Land of the Soviets และนับจากนั้น ตินตินก็กลายเป็นการ์ตูนอมตะระดับโลก ที่มีผู้อ่านชื่นชอบจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน ด้วยบุคลิกลักษณะที่คล้ายกับปาลเล ฮัลด์ ในรุ่นหนุ่ม โดยเฉพาะลักษณะเด่นอันเป็นเอกลักษณ์คือ ผมสีแดงจ้า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าปาลเล ฮัลด์ คือตัวจริงของตินติน แต่จอร์จ เรมี ก็ไม่เคยยอมรับ ในขณะที่ปาลเล ฮัลด์ มั่นอกมั่นใจว่าเขานี่แหละเป็นต้นฉบับของตินตินแน่นอน เพราะมีความเหมือนกันทั้งในเชิงกายภาพ และเรื่องของการเดินทางผจญภัยไปทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวพันกันอีก แม้จะเป็นโดยบังเอิญก็คือ ปาลเล ฮัลด์ โด่งดังขึ้นมาได้จากการเดินทางรอบโลกตามตัวเอกในหนังสือเรื่อง 80 วันรอบโลก ของจูลส์ เวิร์น ซึ่งหนังสือของจูลส์ เวิร์น ที่โด่งดังนั้น ไม่ได้มีเพียงเรื่อง 80 วันรอบโลกเท่านั้น แต่ยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่คนไทยรู้จักกันดี เช่น ใต้ทะเล 20,000 โยชน์ (Twenty Thousand Leagues Under the Sea) หรือเรื่องที่สร้างความฮือฮาในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 อย่าง จากโลกสู่ดวงจันทร์ (From the Earth to the Moon) ซึ่งแสดงให้เห็นจินตนาการอันกว้างไกลในการสร้างให้ตัวละครได้เดิน ทางข้ามอวกาศไปถึงดาวบริวาร ทั้งๆที่ในยุคนั้นยังไม่มีแนวคิดเรื่องโครงการอวกาศเกิดขึ้น จูลส์ เวิร์น พาผู้อ่านเพลิดเพลินไปกับการเดินทางสู่ดวงจันทร์ในปี ค.ศ.1865 และไม่ช้าไม่นานต่อมาจอร์จ เรมี ก็เอาอย่างบ้าง เขาเขียนให้ตินตินได้เป็นนักข่าวคนแรกของโลก ที่มีโอกาสได้ไปเยือนดวงจันทร์ ในปี ค.ศ.1950 ในเรื่องชุด “จุดหมายจันทรา” (Destination Moon) ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะส่งนักบินอวกาศขึ้นไปถึงดวงจันทร์ได้จริงๆ ในปี ค.ศ.1969 เรียกว่า จูลส์ เวิร์น และจอร์จ เรมี ฝันไกลไปก่อนหน้าแล้วตั้งเยอะ และนี่เองที่เป็นเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างจูลส์ เวิร์น นักเขียนแนวผจญภัย ![]() ตินตินไปดวงจันทร์ ![]() ตินตินเล่มแรก. ผู้มีจินตนาการลึกล้ำ กับจอร์จ เรมี นักเขียนการ์ตูนผู้สร้างตัวละครให้มีจิตใจกล้าหาญ และเดินทางไปได้ทุกแห่งทั้งบนโลกและนอกโลก ในขณะที่ปาลเล ฮัลด์ ผู้พยายามเลียนแบบตัวละครของจูลส์ เวิร์น ก็เคยเป็นเด็กหนุ่มผู้รักการผจญภัยและการเดินทาง จึงไม่แปลกอะไร หากจะมีคนมากมายเชื่อว่าปาลเล ฮัลด์ คือตินตินตัวจริง สำหรับฮัลด์ หลังจากกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงจากการผจญภัยครั้งสำคัญ ในเวลาต่อมาก็กลายเป็นนักแสดงที่เล่นทั้งละครและภาพยนตร์มากมายหลายสิบเรื่อง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ฮัลด์ไม่เคยได้รับบทเป็นตินตินเลยสักหน อันที่จริง หลังจากที่การ์ตูนชุดตินตินโด่งดังไปทั่วโลก ก็ได้มีการนำเรื่องราวมาสร้างเป็นความบันเทิงในรูปแบบอื่นๆมากมาย เช่น ละครโทรทัศน์ ละครเวที และภาพยนตร์ เช่น The Crab with the Golden Claws ที่ออกฉายในปี ค.ศ.1947 นั้น เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของตินติน ซึ่งไม่มีตัวแสดง เพราะเป็นการถ่ายโดยใช้หุ่นด้วยเทคนิค Stop Motion หรือการถ่ายภาพนิ่งไปทีละฉากๆแล้วนำมาประกอบกันเป็นภาพยนตร์ และหลังจากนั้นก็ยังมี Tintin and the Golden Fleece ในปี ค.ศ.1961 และ Tintin and the Blue Oranges ในปี ค.ศ.1964 ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ มีดาราชาวเบลเยียมคือ Jean- Pierre Talbot รับบทเป็นตินติน ถือเป็นตินตินที่เกิด จากผู้แสดงที่เป็นคนจริงๆ เป็นครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีตินตินที่โลดแล่นในภาพยนตร์อีก จนกระทั่ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮอลลีวูด คือ สตีเวน สปีลเบิร์ก และปีเตอร์ แจ็กสัน ประกาศความร่วมมือกันในการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ว่าด้วยการผจญภัยของตินติน ก็ทำให้แฟนๆตินตินที่มีอยู่ทั่วโลกต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอย จนออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Adventures of Tintin ที่ไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นนักแสดงมาสวมบทเป็นตินตินเท่านั้น แต่ยังออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ 3 มิติด้วย เรียกว่าทำทั้งที สตีเวน สปีลเบิร์ก และปีเตอร์ แจ็กสัน ไม่ยอมให้เป็นเรื่องเล็กๆอยู่แล้ว ในคราวนี้ ดาราหนุ่มเจมมี เบลล์ ได้รับเลือกให้มารับบทเป็นตินติน ซึ่งก็ต้องบอกว่า พอแต่งหน้าทำผมขึ้นมา ก็เหมือนตินตินกระโดดออกมาจากการ์ตูนของจอร์จ เรมี เลยจริงๆ เมื่อบวกเข้ากับเทคโนโลยีในการถ่ายทำ ที่ใช้เทคโนโลยี “โมชั่น-แคปเจอร์” คือการใช้นักแสดงที่มีชีวิตจริงมาร่วมกับเทคนิคคอมพิวเตอร์ซ้อนภาพแล้ว ก็ทำให้การ์ตูนและนักแสดงผสมผสานกลมกลืนกัน ยิ่งมีเทคโนโลยี 3 มิติเข้ามาด้วย ก็น่าจะทำให้แฟนๆถูกใจได้ ตามที่สปีลเบิร์กบอกว่า ต้องการให้เกียรติตัวละครอันมีเอกลักษณ์ของจอร์จ เรมี ![]() ลูกเสือปาลเล ฮัลด์ ท่ามกลางผู้มาชื่นชม. อันที่จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกประกาศว่าจะสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2007 ก่อนหน้าการฉลองวันเกิดครบ 100 ปีของจอร์จ เรมี ได้ 1 สัปดาห์ แต่การสร้างที่ใช้เทคโนโลยีมากมาย ก็ทำให้งานล่าช้า กว่าจะได้ออกมาฉายในปลายปีนี้ ซึ่งหากจอร์จ เรมี ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะปาเข้าไป 104 ปีแล้ว แต่จอร์จ เรมี ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นตัวละครสุดรักของตัวเองบนแผ่นฟิล์มในโลกยุคใหม่ เพราะเขาเสียชีวิตตั้งแต่ ค.ศ.1983 หรือ 28 ปีมาแล้ว จอร์จ เรมี จึงไม่เคยได้ดูภาพยนตร์ 3 มิติ แต่ก็คงจะดีใจหากได้รู้ว่าการผจญภัยของตินตินยังคงความล้ำสมัยอยู่เสมอ สมกับจินตนาการอันไม่จำกัดของเขา และแม้จะผ่านมานานเกือบศตวรรษ แต่ความเป็นตัวตนของ “ตินติน” จะยังอยู่ตลอดไปแน่นอน. ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
หน้า 26 วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ตายแล้วไม่ต้องทำการบ้าน 10 วลีฮิตของจีน 2011 "ตายแล้วไม่ต้องทำการบ้าน", "เอาอยู่" และเรื่องสตีฟ จ็อบส์ ติดอันดับ! นับวันประเทศจีน ยิ่งเป็นประเทศที่น่าติดตามขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความใหญ่ของประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและประชากร เพราะฉะนั้น รู้จักประเทศนี้ไว้ก็ไม่เสียหลาย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่กระแสไหลตามน้ำเร็วไม่แพ้ชาติใดในโลก โลกออนไลน์ในประเทศนี้ เว็บไซต์ที่โลกแรงที่สุดในแดนอาตี๋อาหมวย ก็คือเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า baidu.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชื่อดังคล้ายกับ พันทิป, กระปุก หรือ สนุก ในบ้านเรา ซึ่งเป็นเว็บที่ทำให้ดาราได้แจ้งเกิดด้วย อย่างเช่น ป้อง-ณวัฒน์, มาริโอ เมาเร่อ, พิช วงออกัส, บี้ เดอะสตาร์ และอีกมากมาย ท้ายปีทั้งที เว็บไซต์นี้ได้จัดอันดับ 10 วลีสุดฮิตที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเน็ตชาวจีน พร้อมกับที่มาของคำที่มีเบื้องหลังที่น่าสนใจ ซึ่งเกี่ยวพันกับทั้งเรื่องอื้อฉาวในจีนอย่างเรื่องรถไฟความเร็วสูงชนกัน ไปจนถึงเรื่องระดับโลกอย่างเรื่องการจากไปของสตีฟ จ็อบส์ จะมีคำว่าอะไร จากเรื่องใดกันบ้าง ลองมาดูกัน
ทนพิษบาดแผลไม่ไหว 1.伤不起 shāng bù qǐ (ซางปุ้ฉี่) ความหมายตามตัวของมันคือ ได้รับบาดเจ็บจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ต่อมาคำนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ในความหมายของการทนไม่ไหว, รับไม่ได้ ซึ่งเป็นวลีที่ใช้กันในหมู่นักท่องเน็ตชาวจีนมากที่สุด และมักจะใช้วลีนี้บรรยายสภาพอันเกินทานทนเกี่ยวกับการลงทุน, การออกเดท และชีวิตการแต่งงาน รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ
เอาอยู่ 2.Hold 住hold zhù (โฮลด์จู้) มีคำฮิตติดปากในหมู่คนจีนช่วงเวลานี้คือคำว่า “hold住” (โฮลด์จู้) หมายถึงสามารถควบคุมสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ มีความมั่นใจ ควบคุมสถานการณ์ได้ รับมืออย่างใจเย็น หรือเรียกง่ายๆ ว่า "เอาอยู่" โดยที่มาของคำนี้มาจากรายการทีวีรายการหนึ่งในไต้หวันชื่อ 《大学生了没》 มีตัวละคนชื่อ Miss Lin (คาแร็คเตอร์คล้ายตุ๊ยตุ่ย หรือ ตุ๊กกี้บ้านเรา) ออกมาสอนว่า อะไรคือแฟชั่น โดยมีการพูดออกมาว่า “hold住” "เราต้อง hold住 ในทุกๆ สถานการณ์" เป็นต้น 3.吐槽tǔ cáo (ถู่เฉา) เป็นคำฮิตที่ใช้กันในประเทศไต้หวัน ก่อนที่จะได้รับความนิยมในจีนแผ่นดินใหญ่ในเวลาต่อมา ความหมายคือการพูดจาเพื่อนสนิทมิตรสหายหรือคนรักให้ได้รับความอับอาย หรือเรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า “ฉีกหน้า” นั่นเอง 4.有木有yǒu mù yǒu (โหย่ว มู่ โหย่ว) เป็นคำที่ล้อเสียงกับภาษาจีนคำว่า 有没有 (โหย่ว เหมย โหย่ว) แปลว่ามีไหม, มีหรือเปล่า
แอ๊บแบ๊ว 5.卖萌(mài méng) ม่ายเหมิง ความหมายตามตัวคือ ขายความน่ารัก หมายถึงการทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองน่ารัก คำที่ใกล้เคียงกับบ้านเราที่สุดก็คือ “แอ๊บแบ๊ว” ใช่ว่าไทยเราจะทำเป็นอย่างเดียว ชาวจีนเองเขาก็แอ๊บเบ๊วเป็นเหมือนกัน
ตายแล้วไม่ต้องทำการบ้าน 6.死了就不用写作业 (sǐle jiù bùyòng xiě zuòyè - สื่อเลอจิ้วปุ๋ย่งเสี่ยจั้วเย่) แปลเป็นไทยว่า "ตายแล้วก็จะได้ไม่ต้องทำการบ้าน" เนื่องจากเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนหญิง 10 ขวบกลุ่มหนึ่งในเจียงซี ตัดสินใจโดดเรียนเพราะทำการบ้านไม่เสร็จ แม้ว่าทำการบ้านทั้งวันแล้วก็๋ยังไม่เสร็จ มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผุดไอเดียว่าเรามาฆ่าตัวตายดีกว่า เพื่อนนักเรียนสามคนที่เห็นด้วยจึงปีนขึ้นบนหลังคาบ้าน จับมือและกระโดดตึกลงมาโดยพร้อมเพรียง... โชคดีที่ทั้งสามคนรอดมาได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นวาระใหญ่โตที่ผู้ใหญ่ต้องกลับมาตระหนักถึงระบบการศึกษาในจีน "ตอนที่กระโดดลงมาหนูกล้วนะ แต่ถ้าต้องโดนครูทำโทษเพราะทำการบ้านไม่เสร็จหนูยอมตายดีกว่าค่ะ" นักเรียนคนหนึ่งพูด และกลายเป็นประโยคฮิตแห่งปีในหมู่คนจีนด้วยประการฉะนี้... 7.互粉hù fěn (ฮู่เฝิ่น) คำนี้มาพร้อมกับกระแสความนิยมของการเล่น 微博 (weibo) หรือทวิตเตอร์ของคนจีนที่เล่นกันอย่างแพร่หลาย คำนี้หมายถึง การมีเพื่อนในทวิตเตอร์ร่วมกัน เป็นแฟนคลับติดตามซึ่งกันและกัน หรือความหมายภาษาอังกฤษก็คือ mutual fans นั่นเอง
ยังไงฉันก็เชื่ออยู่ดี 8.反正我信了fǎnzhèng wǒ xìnle (ฝ่านเจิ้ง หว่อ ซิ่นเลอ) วลีนี้แปลว่า ยังไงฉันก็เชื่ออยู่ดี ที่มาเกิดจากอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีนชนกัน มีผู้เสียชีวิต 35 คน บาดเจ็บ 192 คน โดยหวังหย่งผิง โฆษกของการทางรถไฟผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ตอบคำถามนักข่าวและทิ้งท้ายประโยคที่ว่า “คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ยังไงผมก็เชื่ออยู่ดี” จนกลายเป็นคำฮิตติดปากของชาวเน็ต
แต่งงานหอยทาก
9.蜗婚wō hūn (วัวฮุน)
1,000 หยวนต่อ ตร.ม.
10.一潘yī pān (อี้พัน) เท่านั้นแหละสาวกแอปเปิ้ลที่ไม่เห็นด้วยต่างตอกกลับแพนเสียหงายเงิบด้วยการโพสต์ตอบว่า "งั้นถ้าคุณตาย บริษัทของคุณก็ควรขายบ้านตารางเมตรละพันหยวนด้วยนะ คนจีนจะได้จดจำคุณได้มากขึ้น" และนี่คือที่มาของหน่วยวัดบัญญัติใหม่คำนี้นั่นเอง สำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องของภาษาและวัฒนธรรมจีนย่อยง่ายอ่านสนุก ก็เข้ามาติดตามกันได้ที่แฟนเพจของ "ภาษาจีนนอกเวลา” http://www.facebook.com/xiuxianhanyu กันได้เลย
หน้า 27 วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ซานตาคลอส มาแล้ว...
ซานตาคลอสกับรายชื่อเด็กดี. ![]() มีเด็กมากมายทั่วโลกเขียนจดหมายถึงลุงซานต้า. นี่แหละค่ะที่อยู่ของ “คุณลุงซานต้า” แหม...ไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะคะ ในแต่ละปีมีเด็กๆ มากมายเกือบ 3 แสนคนทั่วโลกเขียนจดหมาย ไปหาซานตาคลอสที่ฟินแลนด์กันจริงๆ ค่ะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจดหมายของน้องๆจะถูกละเลย เพราะว่าที่นั่น ที่ทำการของซานตาคลอสจะมีคนคอยเปิดอ่านจดหมายกันอย่างจริงๆจังๆ และพยายามตอบสนองความฝันของเด็กๆเท่าที่จะทำได้ ![]() คุณลุงซานต้าแห่งฟินแลนด์. และก็ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ยังมีที่อยู่ของซานตาคลอสอีกหลายแห่ง เช่น ในกรณีของเด็กๆในสหรัฐอเมริกา หากเขียนจดหมายจ่าหน้าซองส่งถึงซานตาคลอสที่อยู่ขั้วโลกเหนือ (North Pole) แค่นี้ก็จะ...จะ... จะไม่ถูกส่งออกไปถึงขั้วโลกจริงๆ หรอกค่ะ แต่ก็อย่าเสียใจไป เชื่อไหมว่า แต่ละปีมีเด็กๆ ชาวอเมริกันส่งจดหมายแบบนี้ประมาณ 2 ล้านฉบับ และแม้ว่าสำนักงานไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกาจะไม่นำส่งจดหมายไปที่ขั้วโลก เหนือ แต่พนักงาน ไปรษณีย์ของสำนักงานไปรษณีย์กลาง นครนิวยอร์ก ก็จะเป็นคนเปิดจดหมายทุกฉบับอ่านแทนคุณลุงซานต้า ![]() ลุงซานต้าเดินทางมาบนเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์. เด็กๆมักจะขอของขวัญ บ้างก็ขอให้ตัวเอง บางคนขอให้คนที่รัก เช่น คุณพ่อ คุณแม่ และส่วนใหญ่เป็นเด็กยากจน ซึ่งพนักงานไปรษณีย์นิวยอร์กจะอ่านอย่างตั้งใจ แล้วคัดแยกจดหมายออกเป็นหมวดหมู่ตามที่มีการร้องขอ เพื่อส่งต่อจดหมายไปยังผู้ใจบุญ หรือองค์กรสาธารณกุศลต่างๆที่จะพิจารณาอีกครั้งว่าสามารถจะทำความฝันของเด็กคนไหนให้เป็นจริงได้บ้าง แม้ว่าจะมีเด็กเพียงไม่กี่แสนคนจากจดหมายหลายล้านฉบับที่ได้สมหวัง แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการได้รับของขวัญก็คือ การมีจิตใจคริสต์มาส นั่นคือ การให้ การรับ การทำฝันให้เป็นจริง ความเมตตาการุณ และความปรารถนาดีที่มีต่อกันและกัน ![]() ผลงานของโธมัส เนสต์ ในปี 1881 เป็นต้นแบบของซานต้าที่คุ้นเคยกันในปัจจุบัน. ในทุกๆปีผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกเฉลิมฉลองจิตใจแห่งคริสต์มาส คนจำนวนมากคิดว่าคริสต์มาสคือวัน ประสูติของพระเยซู ซึ่งก็คงต้องบอกว่า ผิดค่ะ อันที่จริงการประยุกต์ความเชื่อที่ว่า พระเยซูประสูติในวันที่ 25 ธันวาคมนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้ แต่หัวใจแห่งการเฉลิมฉลองนั้นมีมาก่อนหน้านานแล้วเป็นพันๆปี เพราะการเฉลิมฉลองในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นเวลาที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด หรือการบูชาเทพแห่งดวงอาทิตย์ของชาวโรมันโบราณนั้น มีมาเนิ่นนานแล้ว และชาวคริสต์ได้ผนวกการเฉลิมฉลองนี้เข้ากับคริสต์ศาสนาในระยะหลัง รวมๆแล้วคริสต์มาสคือ การเฉลิมฉลอง และอีกหัวใจสำคัญของคริสต์มาสที่หลายคนเรียกว่า “คุณพ่อคริสต์มาส” ก็คือ ซานตาคลอส ซึ่งเคยมีการทำการสำรวจความคิดเห็นในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ พบว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่เกินกว่า 80% “เคย” เชื่อว่าซานตาคลอสมีจริง โดยเฉพาะในวัยเด็ก ที่เกือบทุกคนเชื่อว่าคุณลุงซานต้ามีตัวจริงแน่ๆ เพราะมักจะได้ของขวัญจากซานตาคลอสกันทุกปี จนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ถึงได้รู้ว่า คนที่แอบเอาของขวัญมาให้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณพ่อคุณแม่ต่างหาก ดังนั้น เมื่อโตขึ้น ความเชื่อเรื่องซานตาคลอสก็เลยพลอย หายๆไป ![]() นักบุญนิโคลัส. แต่จริงหรือที่ว่า ซานตาคลอสไม่มีจริง ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย’ตูนขอยืนยันว่า ซานตาคลอสมีจริงค่ะ ซานตาคลอสที่เราคุ้นเคยคือคุณลุงพุงกลม ใส่เสื้อสีแดง หนวดเคราขาวโพลน ท่าทางใจดีมักจะถือถุงใบเบ้อเร่อมาด้วย เพื่อมอบของขวัญให้เด็กดี (ย้ำ...เด็กดีเท่านั้นนะคะที่ซานตาคลอสจะมาหา) ตามตำนานว่า คุณลุงจะลงมาทางปล่องไฟเพื่อแอบวางของขวัญไว้ ![]() คุณลุงซานต้าแห่งฟินแลนด์. ส่วนตำนานเก่าแก่ที่ย้อนไปไกลคือ ราวๆคริสต์ศตวรรษที่ 3-4 เป็นเรื่องราวของนักบุญนิโคลัส ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศตุรกี “เซนต์นิค” เป็นลูกหลานของเศรษฐีในตระกูลร่ำรวยค่ะ ท่านเป็นเศรษฐีใจบุญ มีความสุขกับการได้ช่วยเหลือคนยากจนและเด็กๆ แถมยังขี้เล่น เช่น บางทีก็แอบเอาของขวัญหรือเงินไปวางไว้ให้คนจนโดยไม่บอกกล่าว เรียกว่าให้โดยไม่หวังผลตอบแทนจริงๆ แต่ถึงแม้จะพยายามไม่ค่อยเปิดเผยตัวตน ทว่า ความดีมีเมตตาของนักบุญนิโคลัสโด่งดังไปทั่ว ผู้คนมากมายนับถือท่าน แม้ท่านจะจากโลกนี้ไปสู่สรวงสวรรค์แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในใจของผู้คนมากมายมานานกว่าพันปี โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินเรือชาวดัตช์ ที่ยกย่องให้ท่านเป็นเทพผู้คุ้มครองชาวเรือ ซึ่งในหมู่ชาวดัตช์นี่เองค่ะที่ออกเสียงชื่อของเซนต์นิโคลัสว่า “ซินเตอร์คลาส” (Sinter Klass) ที่ตอนนี้กลายมาเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกว่า ซานตาคลอส และการเฉลิมฉลองคริสต์มาสก็เป็นหนึ่งในการเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกถึงความเมตตาของนักบุญนิโคลัส ซึ่งแรกๆก็เฉลิมฉลองกันในเฉพาะหมู่ชาวดัตช์์ แต่ต่อมาก็กลายเป็นที่นิยม และผู้คนทั่วโลกจะร่วมรื่นเริง และมีความสุขไปกับวันของนักบุญนิโคลัสด้วย ก็แหม ความรัก ความเมตตา ไม่ได้เป็นข้อจำกัดไว้เฉพาะกลุ่มนี่คะ ![]() ถ้าแขวนถุงเท้าไว้ ซานตาคลอสจะเอาของขวัญมาใส่ให้. การเฉลิมฉลองในยุคเก่าๆมักจะมีงานเลี้ยง การให้ของขวัญ การให้บัตรอวยพรแก่กันและกัน แต่ในโลกปัจจุบัน หลายๆคนพัฒนามาเป็นการส่งคำอวยพรผ่านอี-การ์ด หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ขอเพียงเรามีความ ปรารถนาดีต่อกัน ก็ถือได้ว่าได้ร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขที่สุดในโลกนี้ และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมายาวนานอีกอย่างหนึ่งคือ ในโลกของฮอลลีวูด นักสร้างภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลก ก็มักจะเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ๆเกี่ยวกับซานตาคลอสทุกๆปีด้วย โดยในปีนี้ ภาพยนตร์ที่น่าจับตามองคือ คอเมดี้เอนิเมชั่น CG 3D เรื่อง Arthur Christmas ซึ่งถูกสร้างสรรค์ด้วยจิตใจของคริสต์มาส มากับความเชื่อเรื่องซานตาคลอส กับการเปิดเผยคำตอบที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่า ซานต้าส่งของขวัญทั้งหมดให้เด็กๆ จำนวนมากมายภายในคืนเดียวได้อย่างไร แต่เอ๊ะ...หากเกิดความผิดพลาดขึ้นล่ะ ถ้ามีเด็กดีสักคนไม่ได้รับของขวัญทันกาล จะเกิดอะไรขึ้น และนี่ก็เป็นที่มาของการทำหน้าที่อันสนุกสนานของอาร์เธอร์ คลอส ลูกชายคนเล็กของคุณลุงซานต้า ที่จะออกปฏิบัติการส่งมอบของขวัญชิ้นสำคัญให้ได้ก่อนวันคริสต์มาส ![]() ซานตาคลอสจะลงมาทางปล่องไฟบนหลังคาบ้าน. ว่ากันว่า จนถึงตอนนี้ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่สร้างภาพคริสต์มาสและซานตาคลอสในทุกๆ เดือนธันวาคม ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำคัญที่ทำให้หัวใจของคริสต์มาสยังอยู่กับเราทุกคน นั่นคือ หัวใจแห่งการให้ ความเมตตา และการระลึกว่า ไม่ว่าเราจะได้พบซานตาคลอสหรือไม่ “คุณลุงซานต้า” ก็จะอยู่ในใจเราเสมอค่ะ. ![]() ถ้าให้ใครสักคนมาทำงานแทนลุงซานต้าคงลำบากไม่ใช่เล่น (Arthur Christmas)
หน้า 28 วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ที่สุดแห่งปี 2554
เผลอไผลไปแป๊บเดียว เวลาและวารีที่ไม่เคยรอใคร ได้เพิ่มเติมรอยย่นบนใบหน้า เพิ่มความชราให้ทุกท่านกันอีก 1 ปี เป็นอีกรอบปีที่คนไทยได้สัมผัสทุกอรรถรส การเมืองเปลี่ยนผ่าน จากรัฐบาล หล่อหลักลอย...มาสู่อุ้งมือ นารีหน้าหวาน...ที่ได้พี่ชายแสนดีคอยอุ้มสม “ทีมข่าวการเมือง”
หน้า 29 วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ดาวเด่น-ดาวดัง-ดาวดับ 2554
ในห้วงเวลาหนึ่งของชีวิตมนุษย์เรา ต้องพานพบกับ “ความสำเร็จ” ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่จะได้ฝากชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์หรือไม่นั่นก็อีกเรื่อง ![]()
![]()
หลังจากนั้นได้มีการจัดพิธีเฉลิมฉลองขึ้น ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ในกรุงทิมพู มีการแสดงระบำพื้นเมือง และศิลปะดนตรีประจำชาติอันงดงาม โดยงานนี้กษัตริย์จิกมีได้ทรงร่วมเต้นรำร่วมกับคณะนักแสดง ทั้งยังทรงจุมพิตพระราชินีพระองค์ใหม่ด้วย •••••••••••• ปีนี้รู้สึกชาวโลกจะหลงใหลกับคำว่า “ประชาธิปไตย” เป็นเอามาก เห็นได้จากการประท้วงที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด โดยเฉพาะภูมิภาคตะวัน ออกกลางและแอฟริกาเหนือ ถึงขั้นที่นิตยสารชื่อดัง “ไทม์” ต้องจัดอันดับบุคคลแห่งปี 2554 ให้เป็น “ผู้ประท้วง” (The Protester) ![]()
“พวกเขาต่อต้าน พวกเขาเรียกร้อง พวกเขาไม่ย่อท้อ แม้คำตอบที่ได้กลับมาจะเป็นแก๊สน้ำตาหรือห่ากระสุน พวกเขาคือตัวแทนของแนวคิด การกระทำของคนคนหนึ่งสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้” บรรณาธิการของไทม์บรรยาย พร้อมยกย่องผู้ประท้วงในสถานที่ต่างๆไม่ว่ากรีซ อินเดีย จีน อังกฤษ สเปน สหรัฐฯ ไปจนถึงผู้คนในเหตุการณ์ปฏิวัติดอกมะลิ หรือที่เรียกในเวลาต่อมาว่า “อาหรับ สปริง” ที่พลังมวลชนประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลของซีน อาบีดีน เบน อาลี ประธานาธิบดีตูนิเซีย ฮอสนี มูบารัค ประธานาธิบดีอียิปต์ ไปจนถึงสุดยอดเผด็จการ พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ที่ปกครองประเทศด้วยกฎเหล็กมานาน 42 ปี รวมไปถึงสั่นคลอนรัฐบาลประเทศเยเมน และซีเรีย ที่ดูแววแล้วอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ช้าก็เร็ว •••••••••••• หญิงเหล็กผู้นี้ยังคงโลดแล่นในการเมืองโลกอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคือ “แองเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผู้ติดอันดับบุคคลทรงอิทธิพลของสื่อต่างๆ มาเป็นเวลาติดต่อกันหลายปี นับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในปี 2548 ![]() แมร์เคิล
![]() ปูติน
![]() คิม จอง อึน งานนี้เก้าอี้ผู้นำประเทศที่มีกำลังทหารมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ตกเป็นของ “คิม จอง อึน” บุตรชายคนที่ 3 ผู้มีอายุประมาณ 28 ปี ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลว่าเสถียรภาพของเกาหลีเหนือจะสั่นคลอนหรือไม่ เพราะผู้นำคนใหม่อายุน้อย อีกทั้งเวลาเตรียมก่อนขึ้นเป็นผู้นำก็เรียกได้ว่าสั้นมากเพียงปีกว่าๆ ต่างกับสมัยคุณพ่อคิม จอง อิล ที่มีเวลาเตรียมตัวเป็นผู้นำนานกว่า 20 ปี แถมมีข่าวลืออีกว่าคิม จอง อึน ไม่เก่งด้านวิชาการเอาเสียเลย สมัยเรียนหนังสือในประเทศสวิตเซอร์แลนด์สอบตกเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม จากที่มีข่าวมาตลอดว่าผู้นำใหม่โสมแดงมีความเข้มแข็งเหมือนบิดาไม่มีผิด จึงทำให้เชื่อว่าในตอนแรกอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ให้ชินกับตำแหน่งสักพัก หลังจากนั้นแหละจะบ้าเหมือนพ่อหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ •••••••••••• สำหรับเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ โดยปี 2554 นี้เป็นการครองรางวัลร่วมกันของสุภาพสตรีที่มีผลงานโดดเด่น 3 ท่าน ได้แก่ “เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ” ประธานาธิบดีไลบีเรีย, “เลย์มาห์ จีโบวี” ชาวไลบีเรียเช่นกัน และ “ตอวัคกุล การ์มาน” นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยชาวเยเมน ![]()
![]() สตีฟ จ๊อบส์
![]() เทย์เลอร์
![]() เอมี
ทีมข่าวต่างประเทศ
หน้า 30 วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554
'ไฟร์ฟอกซ์'เผย Infographic แสดงภาพรวมตลอดปี 2011
ไฟร์ฟอกซ์เผย ข้อมูลตัวเลขและเหตุการณ์สำคัญช่วงปี 2011 ในรูปแบบข้อมูลกราฟฟิกสวยงาม (infographic) เผยมุ่งมั่นพัฒนาวงการบราวเซอร์อย่างต่อเนื่องทุกปี... ![]()
หน้า 31 วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ถอดรหัสปฏิวัติเขียว
เมื่อเทรนด์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมยังไม่อ่อนแรง ฉลากเขียวหรือ "คาร์บอนฟุตพริ้นต์" จึงได้เกิดในโลกอุตสาหกรรม |