ประธานาธิบดีอับลาฮัม ลินคอล์น
"การค้ามนุษย์นั้นเห็นได้ชัดว่ายังไม่หมดไปจากโลก...แม้ไม่มีเรือจอดทอดสมอหน้าป้อมกักกัน
แต่ก็ยังมีผู้คนถูกบังคับเข้าสู่ความเป็นทาสไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่งอยู่ตลอดเวลา"
โดโฮ-กวีชาวกานา
โลกในยุคปัจจุบัน สิทธิความเป็นมนุษย์นั้นเท่าเทียมกัน แต่การกดขี่เอารัดเอาเปรียบ
ทั้งแรงงานเด็ก สตรี และคนผิวสีที่ตกเป็นพลเมืองชั้นสองยังมีอยู่ทุกชั่วเวลา
คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล
โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนขอนำพาผู้อ่านย้อนเวลากลับไปดูประวัติศาสตร์ของการเป็นทาสและสงครามปลดปล่อยทาสที่ควรจดจำ
ทาสที่แผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี
ในอดีต การสร้างบ้านเมืองอันโอฬารล้วนมาจากแรงงานทาสทั้งสิ้น
หลังการเดินเรือล่องมหาสมุทรของโปรตุเกส แอฟริกาคือดินแดนแห่งการค้าขาย
นอกจากเข้าไปเพื่อกอบโกยทรัพยากรต่างๆแล้ว
ชนชาวตะวันตกยังนำคนพื้นเมืองใส่เรือมาเพื่อนำมาใช้แรงงานในทวีปยุโรปและอเมริกา
ที่กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ.1660 มีบริษัทค้าทาสจดทะเบียนที่ถูกกฎหมาย ชื่อ เดอะ รอยัล
แอฟริกัน คอมปานี ก่อตั้งขึ้นโดย ดยุคแห่งยอร์ค (ภายหลังก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ในนาม
พระเจ้าเจมส์ที่ 2) พระองค์จับมือพ่อค้าผูกขาดการค้ามนุษย์ด้วยกฎหมาย
สั่งการควบคุมโดยกองทัพเรือที่เกรียงไกรของอังกฤษ
จัดตั้งสถานีย่อยตลอดแนวชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกควบคู่ไปกับสถานีการค้าขาย
(จากซ้าย) พลตรีวิลเลียม เชอร์แมน, พลเอกยูลิซิส แกรนท์,
อับลาฮัม ลินคอล์น, พลเรือเอกเดวิด พอร์เตอร์
ที่เซเนกัล มีเกาะแห่งหนึ่งที่ชื่อกอรี่ มีขนาด 900×300 เมตรเท่านั้น
ใครจะรู้ว่าที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “บ้านทาส” (Slave House) หลังแรกของโลก
จัดสร้างโดยชาวเนเธอร์แลนด์ในปี ค.ศ.1776
บ้านแต่ละหลังที่สร้างคือสถานที่กักกันชนผิวดำเพื่อรอการลงเรือข้ามมหาสมุทรไปเป็นแรงงานทั้งในยุโรปและอเมริกา
มีทาสถูกส่งผ่านเส้นทางสายนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน หรือบางทีอาจจะถึง 50 ล้านคน
ที่สหรัฐอเมริกา ในยุคแห่งการสร้างชาติ มีการค้าขายทาสอย่างเอิกเกริก
แม้ว่าเมื่อแรกมีรัฐธรรมนูญนั้น ในบทเฉพาะกาลระบุไว้ชัดว่า
จะต้องยกเลิกการมีทาสภายในเวลา 21 ปี
ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นรัฐทางใต้ที่เน้นการปศุสัตว์และกสิกรรมกลับเห็นว่าพวกเขาจะต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล
ความเห็นนี้แย้งกับเมืองที่อยู่ทางเหนือขึ้นไป ที่พัฒนาไปในทางอุตสาหกรรม
การประนีประนอมมีขึ้นในปี 1820 โดยตกลงกันว่า
จะยอมให้มีทาสได้ในแผ่นดินที่อยู่ทางใต้เส้นแม่น้ำมิสซูรี่
แต่กลุ่มหัวรุนแรงพวกทางเหนือไม่เห็นด้วย จึงตั้ง องค์การ Abolitionst ขึ้น
และทำทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยทาสตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งประเทศ อย่างที่ จอร์จ
วอชิงตัน กล่าวไว้ว่า “มนุษย์ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน” พวกเขาแอบพาทาสหนี
โจมตีเหล่าเจ้านาย ซึ่งทำให้คนทางใต้ไม่พอใจอย่างมาก
สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ
ปี ค.ศ. 1860 เกิดพรรคการเมืองใหม่ชื่อรีพับลิกัน พวกเขาส่งผู้สมัครวัย 52 ปี
จากอิลลินอยส์ ชื่อ อับลาฮัม ลินคอล์น ลงสมัคร
เขาเป็นที่จดจำมากก่อนหน้านี้แล้วจากการชูนโยบายจำกัดพื้นที่การมีทาส
ในการรณรงค์หาเสียง รีพับลิกันชูเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ
เพราะเรื่องทาสนั้นค้างคาในสังคมอเมริกามานานหลายสิบปี
ลินคอล์นนั้นได้ชื่อว่ามีวาทศิลป์ที่เปี่ยมพลังและมีเสน่ห์
ทั้งคู่แข่งก็เกิดปัญหาภายใน ส่งผู้สมัครสองคนในนามพรรคเดโมแครต
ลินคอล์นจึงชนะได้อย่างไม่ยากเย็น
หลังการเลือกตั้งที่ลินคอล์นได้ชัยชนะ 7
รัฐทางใต้ไม่พอใจจึงแยกตัวออกมาจัดตั้งประเทศใหม่ ในนาม สมาพันธรัฐอเมริกา
แต่งตั้งอดีตรัฐมนตรีสงครามมากความสามารถอย่าง เจฟเฟอสัน เดวิส
ขึ้นเป็นประธานาธิบดี จัดตั้งเมืองหลวงที่ริชมอนด์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี. ของรัฐบาลกลางเพียงแค่แม่น้ำโปโตแมกกั้นเท่านั้น
แล้วสงครามที่แม้กระทั่งตัวลินคอล์นเองคิดว่าไม่น่าจะยาวนานถึง 4 ปีก็เริ่มต้นขึ้น
กองทัพฝ่ายใต้เข้าโจมตีป้อมซัมเตอร์ที่แคโรไลนาในวันที่ 12 เมษายน ค.ศ.1861
ลินคอล์นเรียกระดมคน 75,000 คน ตอบโต้ทันที
ประชาชนทางเหนือโกรธแค้นการกระทำในครั้งนี้มาก
สนับสนุนประธานาธิบดีคนใหม่กันอย่างพร้อมเพรียง
สี่รัฐทางใต้ไม่พอใจจึงประกาศแยกตัวไปเข้าร่วมกับทางฝ่ายใต้
และการเข้าร่วมของสี่รัฐในภายหลังนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ เพราะ
นายพลโรเบิร์ต อี. ลี บุคคลที่ถูกทาบทามจากลินคอล์นให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพ
เขาเป็นชาวเวอร์จิเนีย นอนคิดเพียงข้ามคืนก็ปฏิเสธข้อเสนอ
และกลับไปรับใช้บ้านเกิดในฐานะผู้บัญชาการกองทัพเช่นกัน
ทหารฝ่ายเหนือ และทหารฝ่ายใต้
เมื่อเข้าสู่ปีที่สอง ทั้งสองฝ่ายผลัดกันกำชัยและปราชัย
ฝ่ายเหนือได้ปิดล้อมทางทะเลเพื่อกดดัน
สงครามครั้งนี้เปลี่ยนโฉมหน้าการต่อสู้ที่โลกเคยมีมา
สิ่งประดิษฐ์แห่งโลกหลังยุคอุตสาหกรรมถูกเรียกใช้
การสื่อสารด้วยโทรเลขที่รวดเร็วกว่าขี่ม้าส่งสาร
เรือกลที่พิษสงร้ายกาจกว่าเรือใบโบราณ
รถไฟถูกนำมาส่งเสบียงและลำเลียงกำลังพลที่มีมากกว่าฝ่ายใต้ถึงสองเท่า
ความรวดเร็วเหล่านี้ทำให้การศึกของฝ่ายเหนือเป็นต่อ
หากผู้บัญชาการทัพของฝ่ายใต้ไม่ใช่นายพลโรเบิร์ต อี. ลี สงครามน่าจะจบสิ้นไปแล้ว
หลังเข้ายึดเมืองนิวออร์ลีนส์และควบคุมแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ได้ในปี ค.ศ.1862
ลินคอล์นทำตามปณิธานที่ตั้งไว้
เขาลงนามในประกาศให้มีการเลิกทาสทั่วประเทศรวมทั้งในเขตฝ่ายใต้ด้วย
เขาแถลงต่อสมาชิกรัฐสภาที่มีใจความจับใจตอนหนึ่ง
“...การให้อิสรภาพแก่ผู้เป็นทาส คือการรักษาอิสรภาพแก่ผู้เป็นไท
เรามีเกียรติในการให้เท่ากับที่เป็นผู้รักษา”
กองทหารฝ่ายใต้
มิถุนายน ค.ศ.1863 การสู้รบครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
ฝ่ายใต้คิดว่าการตะลุยขึ้นเหนือเพื่อขยี้เมืองหลวงฝ่ายเหนือน่าจะทำให้เกมจบ
ทว่าที่เมือง เก็ตตี้สเบิร์ก
ฝ่ายใต้บุกเข้าตีทัพฝ่ายเหนือที่มีกำลังน้อยนิดซึ่งร่นไปตั้งแนวรับบนเนินเขา
โดยไม่รู้ว่าไม่ไกลจากที่นั่นมีฝ่ายเหนือรออยู่เกือบแสนคน ด้วยชัยภูมิที่ดี
ทัพเหนือยันไว้ได้ แม้จะถูกตีโอบจากด้านข้าง
นายพลลีสั่งระดมยิงปืนใหญ่และใช้ทหารนับหมื่นเรียงหน้า กระดานเข้าหา
แต่ในการรบวันที่สามพวกเขาก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
สิ้นสุดในสมรภูมิที่มีทหารสองฝ่ายตายเกือบครึ่งแสน
แพ้ในสมรภูมิใช่ว่าแพ้ในสงคราม นายพลลีแม่ทัพฝ่ายใต้เชื่อเช่นนั้น
เขาจึงประคองการต่อสู้ไปได้อีกเกือบสองปี จนกระทั่ง วิลเลียม เชอร์แมน
นายพลมากฝีมือของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ได้นำยุทธวิธีการรบโบราณมาใช้
คือเข้าตีเมืองไหนเผาและปล้นเมืองนั้น
ตลอดการเคลื่อนพลเพื่อมุ่งสู่ฝั่งแอตแลนติกยาวไกลหลายร้อยไมล์
ด้านหลังที่เชอร์แมนทิ้งไว้มีเพียงสิ่งเดียวคือความหายนะ
การปะทะระยะประชิดของทหารสองฝ่าย
แล้วจุดสิ้นสุดอย่างแท้จริงก็มาถึง พลเอก ยูลิซิส แกรนท์
ผู้บัญชาการทหารรัฐบาลกลาง ล้อมเมืองหลวงฝ่ายใต้นานหลายเดือนก่อนจะเข้ายึดได้
ทหารฝ่ายใต้พากันหนีทัพอย่างทุลักทุเล นายพลลีแม่ทัพหนีไปไม่ไกลก็ยอมจำนน
ต้นเดือนเมษายน ค.ศ.1865 ทหารของรัฐบาลกลางก็มีชัยชนะอย่างสมบูรณ์
อดีตประธานาธิบดีผู้หยิบยื่นอิสรภาพแก่เหล่าทาสท่านมีชีวประวัติที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ปัจจุบันก็ยังมีผู้คนกล่าวถึงท่านมิได้ขาดปาก เร็วๆนี้ก็มี DVD ภาพยนตร์เรื่อง
LINCOLN ที่ว่าด้วยช่วงท้ายชีวิตของท่าน เปิดเผยช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยอันตราย
ขณะที่สงครามกลาง เมืองใกล้ยุติ
ประธานาธิบดีลินคอล์นเผชิญแรงกดดันในการผ่านบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 13
ที่จะระบุว่าการมีทาสเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ลินคอล์นมองยาวไกลไปถึงเพื่อนร่วมชาติที่เป็นทาสราว 4 ล้านคน
และอเมริกันชนรุ่นถัดไป จึงต้องออกกฎหมายเพื่อเลิกทาสอย่างถาวร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเกียรติจากอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
มากล่าวนำเกร็ดภาพยนตร์บนเวทีลูกโลกทองคำเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
นับเป็นภาพสะท้อนให้เห็นตัวตนของชายที่ชื่อลินคอล์นได้เป็นอย่างดี.
โดย... นฤพนธ์ สุดสวาท
ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน
|