ไขลึกปริศนาลับจากภาพวาด…..ด้วยเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์
ดร. สุวิมล เจตะวัฒนะ
กลุ่มวิจัยและพัฒนานิวเคลียร์
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
บางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่า
อาจซ่อนสิ่งอื่นที่แตกต่างไว้ภายใน เมื่อศิลปะจากศตวรรษที่ 19
มาพบเทคโนโลยีของศตวรรษที่ 21 สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็อาจเป็นไปได้
การนำภาพวาดจากตวรรษที่ 19 มาวิเคราะห์ใหม่ ทำให้ทราบว่า
เดิมทีจิตรกรได้เลือกที่จะให้หญิงสาวมีผมสีบลอนด์และคาดผมด้วยริบบิ้นสีม่วง
ก่อนที่จะระบายทับลงไปด้วยสีน้ำตาลเข้มที่ให้ความรู้สึกสงบ
และไม่มีเครื่องประดับตกแต่ง
วิธีปฏิบัตินี้เรียกกันว่า
pentimento (มาจากภาษาอิตาลี pentirsi
ที่แปลว่า กลับใจหรือสำนึกผิด) เป็นการดัดแปลงภาพวาดให้เปลี่ยนไป
พิสูจน์ให้เห็นหลักฐานด้วยการสืบหาร่องรอยของภาพเดิม
แสดงให้เห็นว่าจิตรกรได้เปลี่ยนใจระหว่างการวาดภาพนั้น
Matthias Alfeld แห่งมหาวิทยาลัย
Antwerp ประเทศเบลเยียม ผู้นำเสนอผลการค้นพบของเขาใน
American Chemical Society
ซึ่งจัดขึ้นที่ เมือง Anaheim
มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 27-31 มีนาคม 2011 กล่าวว่า
การดัดแปลงภาพวาดให้ปลี่ยนไปจากเดิม เป็นสิ่งที่ไม่ได้พบได้ทั่วไป
ตัวอย่างที่ไม่ธรรมดานี้เผยให้เห็นด้วยเทคนิค scanning macro-x-ray
fluorescence ซึ่งกระทำที่สถาบัน German
Electron Synchrotron (Deutsches Elektronen Synchrotron;
DESY) เมือง Hamburg
ประเทศเยอรมนี เมื่อภาพวาดถูกกระตุ้นด้วยลำของรังสีเอกซ์
องค๋ประกอบทางเคมีในภาพวาดจะเปล่งรังสี (fluoresce) ออกมา
และถูกตรวจจับได้ด้วยเครื่องตรวจวัด (detector)
แสดงให้เห็นรงควัตุที่ซ่อนอยู่ภายในโดยไม่ต้องทำลายงานศิลปะชิ้นนั้น
เทคนิคเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์
(X-Ray Fluorescence Spectrometry หรือ XRF) เป็น
เทคโนโลยีนิวเคลียร์ อย่างหนึ่ง
ที่ใช้ในการวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณของธาตุในสารตัวอย่าง
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพที่เป็นของแข็ง ของเหลว หรือสารแขวนลอย
โดยอาศัยการให้รังสีเอกซ์พลังงานสูงแก่ชิ้นงานที่จะตรวจสอบ
ทำให้เกิดการแตกตัวของอะตอม ที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในวัสดุนั้น
จนกระทั่งอิเล็กตรอนหลุดออกไป เมื่ออิเล็กตรอนหลุดออกจากอะตอม
จะทำให้โครงสร้างทางไฟฟ้าของอะตอมมีการเปลี่ยนแปลง
อิล็กตรอนที่อยู่ในวงโคจร (orbital) ที่มีพลังงานสูงกว่า
ก็จะร่วงลงมาอยู่ในวงโคจรที่มีพลังงานต่ำกว่าเพื่อทดแทนอิเล็กตรอนที่สูญเสียไป
การย้ายวงโคจรแบบนี้ ทำให้มีการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของโฟตอน
(photon) วัสดุจึงมีการเปล่งรังสีออกมาและถูกตรวจวัดได้
ด้วยเครื่องตรวจวัด โฟตอนที่ถูกปล่อยออกมาจากธาตุต่างชนิดในชิ้นงาน
จะมีความยาวคลื่นหรือพลังงานที่จำเพาะ สำหรับธาตุชนิดนั้น ๆ
จึงทำให้สามารถบอกชนิดของธาตุที่มีอยู่ในตัวอย่างได้ คำว่า
ฟลูออเรสเซนซ์
ถูกนำมาใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์ที่วัสดุได้รับรังสีพลังงานสูง
แล้วมีผลให้เกิดการปล่อยรังสีพลังงานต่ำออกมา เทคนิค
XRF
นี้สามารถวิเคราะห์ธาตุได้ตั้งแต่ธาตุที่มีน้ำหนักเบา เช่น
เบริลเลียม (Be) ไปจนถึงธาตุยูเรเนียม
(U) ในระดับที่มีมากจนถึงระดับต่ำกว่า ppm (part per million :
หนึ่งในล้านส่วน)
เทคนิคที่มีประโยชน์นี้มาพร้อมกับความเสี่ยง
เนื่องจากชิ้นงานอันมีค่าจะต้องถูกเคลื่อนย้ายและขนส่ง
ไปยังสถานที่ทำการทดลอง
ซึ่งมีสภาพแวดล้อมและความชื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
รวมไปถึงการถูกกระแทกเสียหาย
ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้โดยใช้อุปกรณ์สำรับสแกนแบบเคลื่อนที่
ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบภาพได้
ในสถานที่อันเป็นที่เก็บรักษาภาพ เช่น พิพิธภัณฑ์ ได้โดยตรงเลยทีเดียว
Alfred กล่าวว่า
“มันเป็นการบอกกล่าวถึงบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับประวัติของภาพวาด
และสิ่งที่อยู่แวดล้อมศิลปินเมื่อเขาทำงานอยู่ในขณะนั้น”
ภาพวาดซึ่งมีชื่อว่า พอลีนในชุดสีขาว “Pauline
in a white dress” ที่มีต้นไม้เป็นแบกกราวด์อยู่ข้างหลัง
เริ่มเป็นที่รู้จักหลังจากที่มีการวิเคราะห์และพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
การตรวจพบธาตุโคบอลต์ (Co)
บ่งชี้ว่ารงควัตถุ (pigment) สีฟ้า
ถูกใช้ในส่วนที่เป็นริบบิ้นคาดผมสีม่วง และรงควัตถุสีส้ม-แดงชาด
บ่งชี้โดยการตรวจพบแร่ปรอท (mercury, Hg)
การตรวจพบแร่พลวง (antimony, Sb)
ที่สัมพันธ์กับรงควัตถุสีเหลือง และตะกั่ว
(Pb) ที่สัมพันธ์กับสีขาว
ชี้แนะว่าเดิมทีหญิงสาวถูกวาดให้มีผมสีบลอนด์ ที่ขดเป็นลอนยาวเคลียบ่า
ขัดแย้งกันอย่างชัดเจนกับภาพที่มองเห็นเป็นผมสีน้ำตาลเข้มที่เกล้ามวยไว้ข้างหลัง
อย่างเรียบร้อย Alfeld ยังกล่าวอีกว่า “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า
จิตรกรไม่ชอบใจและได้วาดใหม่ให้ดูเรียบกว่าเดิม”
ไม่มีใครทราบว่าศิลปินผู้วาดภาพนี้คือใคร
ภาพวาดนี้ถือว่าเป็นของนักวาดภาพโรแมนติกชาวเยอรมัน
Philipp Otto Runge และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภรรยาเขาที่ชื่อ
Pauline
แต่การเป็นเจ้าของยังเป็นที่โต้แย้งของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ
การวิเคราะห์ภาพด้วยเอกซเรย์เกิดขึ้น
ด้วยการขอร้องจากผู้ครอบครองภาพในปัจจุบัน
ซึ่งคาดหวังว่าอาจจะช่วยยืนยันว่าใครเป็นผู้วาดภาพนี้อย่างแท้จริง
พื้นฐานจากบทความ :
Hidden dalliance revealed by X-rays
ของนิตยสารออนไลน์ ScienceNews ฉบับ 31 March 2011 โดย Rachel
Ehrenberg (http://www.sciencenews.org/view/generic/id/72033/title/Hidden_dalliance_revealed_by_X-rays)
และ New Way to Look at Old Paintings: Have X-Rays, Will Travel
ของนิตยสารออนไลน์ LiveScience ฉบับ 31 March 2011 โดย Jennifer Welsh
(http://www.livescience.com/13499-hidden-painting-features-xrays-110331.html)
|